
ยิงธนู โอลิมปิก กีฬาที่เน้นความแม่นยำเป็นหลัก
- หัวใจสีเขียว
- 17 views

ยิงธนู โอลิมปิก กีฬาที่ใช้ทักษะความแม่นยำเป็นหลัก และต้องใช้สมาธิสูง การยิงธนูเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับ กีฬาโอลิมปิกมาอย่างช้านาน ตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1900 ซึ่งในช่วงเวลานั้น นักกีฬายิงธนูที่ได้ครองเหรียญโอลิมปิกมากที่สุด คือ อูแบร์ ฟาน อินนิส โดยครองเหรียญทองถึง 6 เหรียญ และเหรียญเงิน จำนวน 2 เหรียญ
การยิงธนู เป็นกีฬาชนิดหนึ่ง ที่ต้องใช้อาวุธในการยิงลูกศรจากทางไกล ซึ่งในอดีตมักใช้ในสงคราม หรือในการสู้รบ อุปกรณ์หลักในการยิงธนู จะประกอบด้วย คันธนู ที่มีไว้สำหรับเสียบลูกศร ที่มีปลายเหล็กแหลม โดยคันธนูจะมีลักษณะเป็นทรงโค้ง และขึงด้วยสายธนู (29 มิถุนายน 2021) [1]
การแข่งขันกีฬายิงธนูรูปใหม่ ถูกบรรจุไว้ในโอลิมปิกในปี ค.ศ. 1972 ซึ่งมีรูปแบบการแข่งขันอยู่หลากหลายประเภทด้วยกัน เช่น ประเภทไฟลท์ ชู้ตติ้ง เป็นการยิงธนูที่จะเน้น ในเรื่องของระยะทาง มากกว่าความแม่นยำ ต่อมาคือ ประเภทลาน เป็นการยิงธนู ที่คล้ายกับการล่าสัตว์
โดยจะวางเป้าเล็กๆ ไว้ตามตำแหน่งต่างๆ ที่มีระยะทางไม่เท่ากัน และสุดท้ายคือ ประเภทสกีอาร์เชอรี เป็นการแข่งขันการยิงธนู ในสภาพภูมิประเทศต่างๆ โดยจะมีการเล่นสกี หรือสเกตร่วมด้วย ส่วนอีกหนึ่งประเภทที่นิยมในการแข่งขัน กีฬาโอลิมปิกเป็นอย่างมากก็คือ ประเภทเป้า (24 พฤศจิกายน 2024) [2]
การยิงธนูเป็นกีฬา ที่มีประโยชน์มากมายหลายอย่าง เช่น ช่วยเสริมสร้างให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ มีความแข็งแรง เช่น บริเวณหัวไหล่ ต้นคอ และหน้าท้อง อีกทั้งยังช่วยฝึกสมาธิ เนื่องจากต้องโฟกัสสายตา ไปยังเป้าหมายในระยะต่างๆ รวมถึงช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดี เพราะทุกส่วนร่างกาย จะได้เคลื่อนไหว
เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้เลือดได้สูบฉีดมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าการยิงธนู จะดูเหมือนว่าจะเป็นกีฬาที่ไม่ใช่แรงเยอะ แต่กลับช่วยเผาผลาญพลังงานได้เป็นอย่างดี (27 กุมภาพันธ์ 2020) [3]

นักกีฬายิงธนูทีมชาติไทย ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ คือ คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์ หรือป่าน เกิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เป็นนักกีฬายิงธนู ทีมชาติไทย ที่เริ่มยิงธนูตั้งแต่อยู่ชั้น ม.1 เขาได้รับคัดเลือกเข้าแข่งขันในซีเกมส์ในปี 2009 และสามารถคว้าเหรียญทอง ประเภททีมได้
ซึ่งถือเป็นเหรียญทองครั้งแรกของไทย ซึ่งในปัจจุบันนอกจากกีฬาแล้ว ป่านยังมีบทบาทในวงการบันเทิงอีกด้วย เช่น ผลงานการแสดงละคร เป็นต้น
คันธนูสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ธนูแบบดั้งเดิม, ธนูรีเคิฟ และ ธนูคอมพาวด์ ซึ่งแต่ละแบบจะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน เช่น ธนูแบบดั้งเดิมจะเป็นคันธนูดั้งเดิม ไม่มีอุปกรณ์ช่วยเล็ง ใช้ทักษะจากตัวผู้ยิงล้วนๆ นิยมใช้ในการป้องกันตัว และการล่าสัตว์
ต่อมาคือ ธนูรีเคิฟเป็นธนูที่จะช่วยให้ยิงได้แรง กว่าแบบดั้งเดิม ส่วนธนูคอมพาวด์ มีระบบสายพานช่วยผ่อนแรงดึง ทำให้เล็งง่าย ยิงแม่น และคุมเป้าได้นิ่งขึ้น นิยมใช้ในการล่าสัตว์ และแข่งขันระดับสูง ในหลายๆประเทศ
จากข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ว่า การยิงธนู เป็นกีฬาที่เน้นทักษะความแม่นยำ ความนิ่ง และต้องมีวินัยในการฝึกฝนอย่างแท้จริง อีกทั้งการยิงธนู ยังเป็นกีฬาที่ช่วยฝึกสมาธิ และช่วยทำให้จิตใจมั่นคง การแข่งขันยิงธนูไม่เพียงแค่วัดระดับฝีมือ แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่น ของนักกีฬาอย่างลึกซึ้ง จึงเป็นหนึ่งในกีฬา ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ในการแข่งขันโอลิมปิก
คันธนูที่เหมาะกับ ผู้เริ่มต้นมากที่สุด คือ คันธนูรีเคิฟเป็นประเภท ที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นมากที่สุด เนื่องจากมีโครงสร้าง ที่ไม่ซับซ้อน น้ำหนักเบา และใช้งานง่าย สามารถเรียนรู้พื้นฐานของการเล็ง การดึงสาย และการปล่อยลูกธนู ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นคันธนูมาตรฐาน ในการแข่งขันระดับสากลด้วย จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะ ในระยะยาว
สภาพอากาศมีผลต่อ การยิงธนูอย่างมาก โดยเฉพาะลม ซึ่งสามารถทำให้ลูกธนูเบี่ยงออกจากเป้าได้ นักกีฬาจึงต้องเรียนรู้การอ่านทิศทาง และความแรงของลม รวมถึงการปรับการเล็งให้เหมาะสม นอกจากนี้แสงแดด ความชื้น และอุณหภูมิ ก็ส่งผลต่ออุปกรณ์เช่นเดียวกัน เช่น ความตึง ของสายธนู หรือวัสดุคันธนู ที่อาจเปลี่ยนตามอุณหภูมิ ดังนั้นการยิงธนูกลางแจ้ง จึงต้องอาศัยทั้งการควบคุม และเทคนิคร่วมด้วย

