การลงทุน คริปโต สำหรับมือใหม่ นักลงทุน

การลงทุน คริปโต

การลงทุน คริปโต หรือคริปโตเคอร์เรนซี ในปัจจุบัน เป็นการลงทุนที่นักลงทุนมือใหม่ ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ผลตอบแทน ที่สูง ยังสามารถซื้อขาย ได้แบบ 24/7 เรียกได้ว่า ซื้อขายได้ตลอดเวลา และที่สำคัญยังมีอิสระทางการเงิน และความโปร่งใส ที่สูงมากอีกด้วย

  • ความหมายของคริปโตแบบเข้าใจง่าย
  • อธิบายประเภทของคริปโต ให้เข้าใจก่อนลงทุน
  • ข้อมูลข้อดีและข้อเสียของการลงทุน ในคริปโต

คริปโต คืออะไร มีความหมายว่าอย่างไร

คริปโตเคอร์เรนซี หรือคริปโต (Cryptocurrency) คือ การลงทุนในเงินดิจิทัล ที่สามารถใช้ได้ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย หรือการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่าง ๆ ถือว่าคริปโตนั้น เป็นหนึ่งในการลงทุน ที่มีความปลอดภัย และโปร่งใสสูง เพราะไม่จำเป็นที่จะต้องทำงาน แบบพึ่งพาธนาคาร หรือรัฐบาล

แต่สามารถใช้ระบบ และทำธุรกรรมผ่านคอมพิวเตอร์ได้เลย ทำให้สามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา และมีความโปร่งใส ที่สูงมาก นอกจากนี้ ยังมีอิสระทางการเงิน สามารถทำธุรกรรมได้ทั่วโลก และมีค่าธรรมเนียมต่ำ โอกาสเติบโตสูงที่สำคัญยังเลือกลงทุน ได้หลายประเภท เช่น Bitcoin, Ethereum เป็นต้น

ที่มา: สรุปสาระสำคัญ ที่นักลงทุนต้องรู้ ก่อนลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซี [1]

สิ่งที่มือใหม่ต้องรู้ ประเภทของคริปโต มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

ตลาดคริปโตนั้น มีเหรียญดิจิทัล ที่ให้เลือกลงทุนมากถึง 10,122 สกุล แต่ในแต่ละเหรียญ จะมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภท ของเหรียญคริปโตได้ 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ Coins, Tokens และ Stablecoins

  1. Coins หรือเหรียญ มีอยู่ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ Bitcoin (BTC) และ Altcoins (อัลท์คอยน์)
    • Bitcoin (BTC) ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งคริปโต เป็นเหรียญแรก ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในตลาดโลก เรียกได้ว่าเป็นทองคำ ของเหรียญดิจิทัล ก็ว่าได้
    • Altcoins (อัลท์คอยน์) เป็นเหรียญคริปโตทางเลือก ที่มีเทคโนโลยี และจุดเด่นที่มักจะแตกต่าง ไปในแต่ละตัว เช่น Ethereum (ETH) เหรียญที่มักใช้ในการซื้อ-ขาย แอปพลิเคชัน Ripple (XRP) เหรียญที่ใช้ในการทำธุรกรรม ระหว่างประเทศ เป็นต้น
  2. Tokens คือ คริปโตที่ทำงานบนบล็อกเชน ในแพลตฟอร์มของตนเอง เช่น Security Tokens เป็นโทเคน ที่เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่ผู้ที่ถือโทเคน จะได้รับเงินปันผล เป็นต้น
  3. Stablecoins จะเป็นเหรียญที่ผูกมูลค่า ไว้กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หรือทองคำ จะมีราคาการซื้อ-ขาย ที่คงที่ และไม่ค่อยมีความผันผวนของราคาสักเท่าไหร่ เช่น USDT, USDC, BUSD เป็นต้น

ก่อนลงทุนในตลาดคริปโต มือใหม่ควรรู้อะไร

สิ่งที่มือใหม่ควรรู้ ก่อนลงทุนในตลาดคริปโต คือ แม้การลงทุนในตลาดคริปโต ที่ผ่านมา จะมีผู้ที่ประสบความสำเร็จ เป็นจำนวนมาก แต่ต้องบอกว่าตลาดคริปโต นั้นมีความไม่แน่นอน ของราคาเหรียญ เพราะราคาของคริปโต จะขึ้นอยู่กับ Demand เหตุผลที่นักลงทุน ในอดีตประสบความสำเร็จ

เพราะในอดีตยังมีผู้ลงทุน ในตลาดคริปโตไม่มาก จึงทำให้คริปโตนั้น มีราคาที่ต่ำ แต่ในปัจจุบัน ได้มีบริษัทเอกชน และนักลงทุนหน้าใหม่ เข้ามาลงทุนมากขึ้น จึงทำให้ราคาของคริปโต หรือสกุลเงินดิจิทัล มีราคามากขึ้น เมื่อขายออกไป เพราะฉะนั้น สิ่งที่นักลงทุนหน้าใหม่ต้องรู้ คือ ควรที่จะศึกษาข้อมูล

ในการลงทุน ให้อย่างรอบคอบ ไม่ควรรีบร้อนเข้าไปลงทุน และที่สำคัญ อย่าลืมที่จะประเมินความเสี่ยง ว่าตนเองนั้น สามารถยอมรับความเสี่ยง ได้มากน้อยแค่ไหน

ที่มา: คู่มือลงทุนเงินดิจิทัลอย่างไรไม่ให้ติดดอย ฉบับนักเทรดมือโปร [2]

เทคนิค การลงทุน คริปโต ลงทุนยังไง ไม่ให้ติดดอย

การลงทุน คริปโต

สำหรับการลงทุน ในคริปโต ที่ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนของราคา เพราะกระแส ที่นักลงทุนรุ่นใหม่ นิยมไปลงทุน เพื่อเก็งกำไรในตลาดคริปโตเป็นจำนวนมาก บทความนี้จึงได้รวบรวมเทคนิค ในการลงทุน ในตลาดคริปโต เพื่อให้คุณนั้นสามารถลงทุนได้ แบบที่ไม่ต้องติดดอย

  1. ทำการศึกษา White Paper อย่างละเอียด เพราะ White Paper หรือแผนธุรกิจ ถือเป็นหัวใจหลักของการลงทุน หากคุณสามารถทำความเข้าใจ เกี่ยวกับแนวคิด ปัญหา และกลไกการทำงานของเหรียญ ได้อย่างเข้าใจ จะช่วยให้คุณสามารถลดความเสี่ยง ของการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ทำการประเมินความเสี่ยง ที่ตนเองนั้นยอมรับได้ เพราะคริปโตนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวน ของราคาสูง เพราะหากไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยง และลงทุนไปกับคริปโต ด้วยเงินจำนวนมาก ก็จะมีโอกาสที่จะทำให้คุณติดดอย หรือขาดทุนสูงนั้นเอง
  3. เลือกการลงทุน ที่คิดว่าเหมาะสม กับตนเอง เมื่อคุณนั้นสามารถเข้าใจความเสี่ยง ที่ตนเองสามารถยอมรับได้ ขั้นต่อไปคือ การเลือกการลงทุนที่เหมาะกับตนเอง เพราะการลงทุนในคริปโตนั้น มีทั้งลงทุนแบบเทรด (ระยะสั้น) และระยะยาว (Hodl)
  4. เริ่มลงทุนทีละน้อย เริ่มที่ 1% แล้วค่อยขยายไปเรื่อย ๆ โดยการเริ่มที่ 1% ไม่ใช่การลงทุน เพื่อทำกำไร แต่เป็นการลงทุน เพื่อทดสอบตลาด ซึ่งหากตลาดดี และคุณสามารถยอมรับ กับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ค่อยขยายเป็น ทีละ 5% หรือ 10% เป็นต้น

ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในคริปโต มีอะไรบ้าง ที่มือใหม่ต้องรู้

สำหรับข้อดีของการลงทุน ในตลาดคริปโต คือ การลงทุนในตลาดคริปโตนั้น ให้ผลตอบแทนที่สูง สามารถเป็นเจ้าของ และควบคุมสินทรัพย์ ได้โดยที่ไม่มีตัวกลางอย่างธนาคาร มาคอยควบคุม ที่สำคัญยังสามารถกระจายการลงทุน และเริ่มลงทุน ด้วยเงินจำนวนน้อยได้ โดยมีเทคโนโลยี

ในการดันศักยภาพ ของอุตสาหกรรม ส่วนข้อเสีย คือ การลงทุนในตลาดคริปโตนั้น มีความเสี่ยงสูง เพราะความผันผวนของราคา และระบบยังมีช่องโหว่ ที่อาจจะถูกโจมตี ทางไซเบอร์ได้ นอกจากนี้ยังมี Scams หรือโครงการที่มีการหลอกลวง ในตลาดคริปโตอีกด้วย

ที่มา: คริปโทเคอร์เรนซีคืออะไร? เจาะลึก Cryptocurrency พร้อมวิธีลงทุนอย่างปลอดภัย [3]

คำแนะนำสำหรับมือใหม่ ที่สนใจจะเข้าวงการคริปโต

สำหรับมือใหม่ ที่สนใจอยากจะเข้าวงการคริปโต ขอแนะนำว่า การจะเข้าวงการคริปโต ควรศึกษาข้อมูล หรือทำความ รู้จัก การลงทุน ในหลาย ๆ แบบก่อน เพราะนอกจากคริปโตแล้ว ยังมีการ ลงทุน กับทองคำ, การลงทุน กองทุนรวม, การลงทุน ในหุ้น และ การลงทุน ตราสารหนี้ เป็นต้น

ที่ให้ผลตอบแทนที่สูง และคุ้มค่ากับการลงทุน แต่ในทุกการลงทุนนั้น มีความเสี่ยงเสมอ เพราะฉะนั้นควรศึกษาให้ดี เพราะอาจจะได้กำไร หรืออาจจะขาดทุนก็ได้ เช่นกัน

การลงทุน คริปโต กับบทสรุป

การลงทุน คริปโต

สรุป การลงทุน คริปโต หรือ Cryptocurrency เป็นการลงทุนในเหรียญดิจิทัล ที่มีความผันผวนของราคาสูง แต่ค่าตอบแทนที่ได้รับ ก็สูงเช่นกัน เพราะฉะนั้นก่อนลงทุน ควรศึกษาเกี่ยวกับ White Paper ให้ดีก่อนลงทุน และควรวัดระดับความเสี่ยง ที่ตนเองยอมรับได้เสมอ

รู้หรือไม่ หากลืมคีย์ส่วนตัว จะทำให้เสียคริปโตโดยกู้คืนไม่ได้

เรื่องจริงเพราะหากผู้ลงทุนนั้น ลืมคีย์ส่วนตัว (Private Key) หรือทำหาย ผู้ลงทุนนั้น จะไม่สามารถกู้คืนคริปโต และอาจทำให้สูญเสียเงิน ที่ได้ลงทุน ในคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดได้

ทำไมผู้ลงทุนมือใหม่ ถึงต้องระวัง Fear of Missing Out

เพราะ Fear of Missing Out หรือ FOMO เป็นหนึ่งในการตัดสินใจ ในการลงทุนของผู้ลงทุนมือใหม่ เพราะกลัวว่าจะพลาดโอกาสในการลงทุน หรือ FOMO นั่นเอง แต่รู้ไหมว่า FOMO ส่วนมาก มักเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น เพราะฉะนั้นก่อนลงทุน แนะนำศึกษาข้อมูลดี ๆ ก่อนลงทุนเสมอ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง