
เริ่มลงทุนกับ การลงทุน ตราสารหนี้ สำหรับมือใหม่
- LittleHydrangea
- 15 views
การลงทุน ตราสารหนี้ เป็นหนึ่งในการลงทุน ที่ปัจจุบัน นักลงทุนมือใหม่ ให้ความสนใจสูงมาก เพราะนอกจากจะได้รับผลตอบแทนที่ดี ยังมีความเสี่ยงต่ำอีกด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนมือฉมัง หลาย ๆ คน ก็ยังมีการลงทุน ในตราสารหนี้ แบบเก็งกำไร เพื่อซื้อตราสารหนี้ในราคาถูก และขายในตอนที่ราคาขึ้น
ตราสารหนี้ (Bond) คือ สัญญาทางการเงิน หรือตราสารทางการเงิน ที่ผู้ลงทุนจะได้รับ จากการเป็นเจ้าหนี้ ของภาครัฐบาล และบริษัทเอกชน โดยนักลงทุนที่ซื้อตราสารหนี้ จะได้รับผลตอบแทน เป็นดอกเบี้ย จากลูกหนี้ ตามระยะเวลาที่ได้มีการกำหนดไว้ และหากถือตราสารหนี้ครบกำหนดอายุ จะได้เงินต้นคืน
เรียกได้ว่าเป็นการลงทุน ที่มีความเสี่ยงน้อย และยังได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับ จะอยู่ประมาณ 2-5% เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝากทั่วไป ซึ่งก่อนลงทุน ในตราสารหนี้ ควรที่จะศึกษา หรือดูให้แน่ใจ ก่อนทำการลงทุน เพราะแม้ว่าความเสี่ยงจะน้อย แต่หากลงทุนในตราสารหนี้
ของบริษัทเอกชน ควรที่จะเช็กว่าบริษัท ที่ได้ลงทุนไปนั้น เป็นบริษัทที่มีฐานะมั่นคง มีความสามารถที่จะจ่ายดอกเบี้ย และเงินต้นคืนได้ ซึ่งถ้าหากไม่แน่ใจ ในช่วงแรกอาจจะเป็นการลงทุน ในพันธบัตรรัฐบาล หรือตั๋วเงินคลังของรัฐ ก่อนและค่อยศึกษา หุ้นกู้ของบริษัทเอกชนนั้น ๆ ก็ได้
ที่มา: ตราสารหนี้ [1]
ตราสารหนี้ หรือเครื่องมือในการระดมเงินทุน ในรูปแบบหนึ่ง ที่ภาครัฐ และบริษัทเอกชน หาเงินลงทุน เพื่อนำมาใช้จ่าย ในการลงทุนต่าง ๆ โดยจะให้ผู้ลงทุน เป็นเจ้าหนี้ ที่จะมีตราสารหนี้ เพื่อเรียกเก็บหนี้ หรือเงินต้น ที่ทางรัฐบาล และบริษัทเอกชน ได้นำเงินลงทุน จากนักลงทุนไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นการนำไปขยายธุรกิจ หรือชำระหนี้อื่น ๆ เพิ่มเติม เหตุผลที่ตราสารหนี้ ได้รับความนิยม เพราะตราสารหนี้นั้น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในการลงทุน ที่เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือ บริหารความเสี่ยงก็ว่าได้ เพราะนอกจาก จะมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น หรือทองคำ
ตราสารหนี้ยังสามารถวัด สภาวะทางเศรษฐกิจได้อีกด้วย คือ หากอัตราดอกเบี้ย มีการปรับตัวที่ลดลง ตราสารหนี้ก็จะมีราคาที่สูงขึ้น หรือหากเศรษฐกิจดี ตราสารหนี้ก็จะมีราคาที่ดีตามเป็นต้น ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่นักลงทุน เชื่อว่าผู้ที่ออกตราสารหนี้ จะสามารถมีรายได้ เพื่อชำระหนี้คืนได้ ตามกำหนด
ตราสารหนี้นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ตามผู้ออกตราสารหนี้ คือ 1. ภาครัฐบาล และ 2. บริษัทเอกชน โดยตราสารหนี้ ที่ออกโดยรัฐบาล หรือ Government Bond จะเป็นสัญญาหนี้ ที่รัฐบาลนำเงินลงทุน มาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปรับโครงสร้างหนี้ หรือชดเชยการขาดดุล เป็นต้น
โดยตราสารหนี้ของรัฐ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ พันธบัตรออมทรัพย์ และตั๋วเงินคลัง โดยส่วนมากจะเป็นตราสารหนี้ ที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี หรืออาจจะ 1 ปีขึ้นไป ส่วนตราสารหนี้ ของบริษัทเอกชน หรือ Corporate Bond จะเป็นสัญญาหนี้ ที่เอกชนนำเงินลงทุน ไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ
โดยมักจะเป็นสัญญา 3 ปี 5 ปี 7 ปี หรืออาจจะถึง 20 ปี โดยส่วนมากตราสารหนี้ ของบริษัทเอกชน จะเป็นตั๋วแลกเงิน หรือไม่ก็หุ้นกู้ เป็นต้น
ที่มา: ตราสารหนี้ คืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน [2]
ที่มา: ตราสารหนี้ คืออะไร? ทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน [3]
ต้องบอกว่าการลงทุน ในตราสารหนี้นั้น เหมาะกับผู้ลงทุน ที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อย และผู้ที่ไม่ได้คาดหวัง ผลตอบแทนที่สูง อย่าเร่งรีบ ซึ่งกองทุนรวมตราสารหนี้ แม้จะมีความเสี่ยง แต่ระดับของความเสี่ยง ก็อยู่ในระดับที่ต่ำ แม้จะเป็นตราสารหนี้ ของภาคเอกชนก็ตาม
ซึ่งหากอยากจะลงทุน ในกองทุน หรือสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตาม ควรที่จะ รู้จัก การลงทุน ให้ดีเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาหาข้อมูลของ ประเภท การลงทุน และประเมินความเสี่ยง ที่ตนรับไหว เพราะการลงทุน มีทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ การลงทุน ในหุ้น และ การลงทุน กองทุนรวม ก็สามารถลงทุนได้เช่นกัน
ซึ่งแต่ละการลงทุน แต่ละกองทุนนั้น จะมีความเสี่ยงต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละกองทุน เพราะฉะนั้นก่อนลงทุนอะไร ควรศึกษาการลงทุนให้ดี
การลงทุนทุกการลงทุน คือความเสี่ยง ตราสารหนี้ก็เช่นกัน แม้จะเป็นความเสี่ยงที่น้อย แต่ก็ยังต้องระวัง ความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ หรือ Default Risk ซึ่งความเสี่ยงนี้ ก็มีวิธีลดความเสี่ยง ด้วยการดูจาก Credit Rating หรืออันดับความน่าเชื่อถือของกองทุนนั้น ๆ ได้ ซึ่งเกรดของตราสารหนี้ทั่วไป
จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 เกรด คือ 1. Investment Grade (กลุ่มน่าลงทุน) และ 2. Speculative Grade (กลุ่มเก็งกำไร) โดยกลุ่มน่าลงทุน ที่ได้รับCredit Rating ตั้งแต่ AAA ไปจนถึง BBB- จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง ในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ มีความมั่นคง และความน่าเชื่อถือสูง
ส่วนกลุ่มเก็งกำไร ที่มี High Yield Bond จะเป็นกลุ่มที่มี Credit Rating ตั้งแต่ BB+ ไปจนถึง D จะเป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง กว่ากลุ่ม Credit Rating ตั้งแต่ AAA และกลุ่ม BBB- แต่ก็แลกมากับความเสี่ยง ในการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งกลุ่มนี้ผู้ลงทุน มักจะซื้อตราสารหนี้นี้ เพื่อเก็งกำไรเท่านั้น
สรุป การลงทุน ตราสารหนี้ เป็นการลงทุน ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดี เพราะนอกจากจะได้รับดอกเบี้ย เมื่อถือตราสารหนี้ ครบระยะเวลา ที่ผู้เขียนตราสารหนี้ได้ระบุแล้ว ยังได้เงินตั้งต้น เมื่อถือครบกำหนดระยะเวลาอีกด้วย แต่ก็อย่าลืม การถือตราสารหนี้นั้น คือการลงทุน ที่มีความเสี่ยงเช่นกัน
ใช่แล้วราคาของตราสารหนี้นั้น สามารถลดลง สลับกับอัตราดอกเบี้ยได้ คือ หากมีนักลงทุน หันไปสนใจ ในตราสารหนี้ที่ออกใหม่ จะทำให้ราคาของตราสารหนี้เก่า มีราคาที่ลดลง และดอกเบี้ย ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับตราสารหนี้ ที่ออกใหม่นั่นเอง
เพราะตราสารหนี้นั้น ใช้เงินลงทุนที่น้อย และกระจายความเสี่ยง ได้มากกว่ากองทุนอื่น ๆ อีกทั้งยังมีสภาพคล่องสูง และมีผู้เชี่ยวชาญ คอยดูแลให้ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้ ได้ผลรับเป็นกำไร ที่มากเท่าหุ้นต่าง ๆ แต่หากถือครองครบกำหนด หรือมีการเก็งราคาที่ดี ก็อาจทำให้ตราสารหุ้น มีกำไรที่มากกว่าหุ้นได้