นิยาม การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง ฉบับเข้าใจง่าย

การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง

การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ที่นักลงทุนมือใหม่หลายคน ให้ความสนใจ และร้อนวิชา อยากทำตาม แต่การลงทุน ในรูปแบบของการกระจายความเสี่ยงจริง ๆ เป็นแบบไหน ต้องกระจายยังไง และเหมาะกับใครบ้าง บทความนี้มีคำตอบ

  • อธิบายความหมายของการลงทุน รูปแบบการกระจายความเสี่ยง
  • แนะนำการกลยุทธ์วิธีการลงทุนแบบการกระจายความเสี่ยง
  • พื้นฐานที่ควรต้องรู้ก่อนลงทุนในรูปแบบกระจายความเสี่ยง

การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง หมายความว่าอะไร

การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง คือ การวางแผนการเงิน เพื่อไว้ใช้ในการลงทุน โดยวิธีการกระจายความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ของแต่ละคน จะแตกต่างกันไป ตามการประเมินความเสี่ยง ซึ่งวิธีการลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง จะเป็นวิธีการลงทุน ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในนักลงทุนหลายคน

โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่ คือการลงทุนในหุ้น หรือกองทุนหลาย ๆ ตัว เพื่อเป็นการกระจายการลงทุน โดยที่มีการคาดการณ์ และการยอมรับความเสี่ยง ที่อาจมีการผันผวน ของเงินลงทุน ที่ผลตอบรับอาจจะดี และขาดทุน แต่ไม่มากจนเกินไป เพราะฉะนั้นหากอยากลงทุน แบบที่ตนเองนั้น

สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ ควรที่จะ รู้จักตัวเอง ก่อนลงทุน เพื่อประเมินความเสี่ยง เพราะการประเมินความเสี่ยงนั้น เป็นเรื่องสำคัญ ที่พิจารณาถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ ที่อาจจะได้รับ ต่อเงินของผู้ลงทุน ในอนาคต โดยการคำนวณจากสภาพแวดล้อม และความเสี่ยง ที่ผู้ลงทุนยอมรับได้

ที่มา: ตัวอย่างการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนแบบสมาร์ท [1]

แนะนำกลยุทธ์การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง ที่เหมาะกับตัวเอง

ต้องบอกก่อนว่ากลยุทธ์ ในการกระจายความเสี่ยงนั้น มีหลายวิธี ซึ่งวันนี้ขอแนะนำ กลยุทธ์การกระจาย การลงทุน ที่สามารถช่วยกระจายการลงทุน ในสินทรัพย์ต่าง ๆ ดังนี้

  1. กลยุทธ์การกระจายการลงทุนในเชิงกลยุทธ์  วิธีนี้จะเป็นการลงทุน ที่ผสมระหว่าง การลงทุนในสินทรัพย์ ที่ให้ผลตอบคงที่ และแน่นอน โดยจะมีสัดส่วนการลงทุนอยู่ที่ หุ้น 65% ตราสารหนี้ 25% และเงินสด 10% จะเป็นการลงทุน แบบถือยาว เพื่อช่วยลดความเสี่ยง และทำตามเป้าหมายได้ไวขึ้น
  2. กลยุทธ์การกระจายการลงทุนในเชิงเทคนิค จะเป็นการลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะทำให้ขาดความยืดหยุ่น โดยสามารถลงทุน ตามสัดส่วนของการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ แต่อาจจะเพิ่ม หรือลดตราสารหนี้ลง ตามสภาพของเศรษฐกิจ และตลาดในเวลานั้น ๆ
  3. กลยุทธ์การกระจายการลงทุนในแบบไดนามิก จะเป็นการลงทุนเชิงรุก แต่จะมีการปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ ตามสภาพเศรษฐกิจ คือ การขายสินทรัพย์ ที่คาดว่าราคาจะลด และชิงซื้อสินทรัพย์ ที่คาดว่าราคาจะขึ้น

และนี่เป็นเพียงแนวทางในการลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง ในรูปแบบเชิงกลยุทธ์ ซึ่งหากอยากลงทุน ในส่วนของการลงทุนที่มีขึ้น เช่น เพิ่มทองคำ หรือเพิ่มกองทุน ก็สามารถปรับเพิ่มลด ตามความสนใจได้ เพราะนี่เป็นเพียง กลยุทธ์ที่แนะนำ และมีการใช้บ่อยเท่านั้น

ที่มา: กลยุทธ์กระจายการลงทุนแบบไหนเหมาะกับคุณ [2]

การลงทุนในรูปแบบกระจายความเสี่ยง มีหลักการพื้นฐานอย่างไรบ้าง

สำหรับหลักการพื้นฐาน ในการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง มีหลักการพื้นฐานอยู่ 4 อย่าง ได้แก่

  1. ควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน เพราะหลักการสำคัญ ในการลงทุนทุกประเภท คือควรจะศึกษาการลงทุน ก่อนลงทุนเสมอ เพื่อที่จะได้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตรงสถานการณ์มากที่สุด
  2. ควรวางสัดส่วนการลงทุน ให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตนเอง เพราะการลงทุนอย่างเหมาะสม ถือเป็นการประมาณตัวเอง เพราะหากลงทุนโดยไม่วางสัดส่วนการลงทุน ให้เหมาะสมกับเป้าหมาย อาจจะทำให้ไปถึงเป้าหมายได้ช้า
  3. ควรรู้จักการกระจายความเสี่ยงอย่างสมดุล คือไม่ควรลงทุน ในทางใดทางหนึ่ง หรือตัวใดหนึ่ง เพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่ควรที่จะกระจายการซื้อขาย ออกเป็นหลาย ๆ รูปแบบ และควรที่จะกระจายการลงทุน ในหลาย ๆ ประเภท
  4. สุดท้าย คือ การประเมินสถานการณ์ ในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะได้สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ทัน ตามสถานการณ์ ตามสภาพเศรษฐกิจ ณ เวลานั้น ๆ

เรื่องที่นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้ ก่อนที่จะเริ่มลงทุน ในยุค5G

การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง

เรื่องที่นักลงทุนควรรู้ นอกจากการลงทุน ในรูปแบบการกระจายความเสี่ยงแล้ว นักลงทุนมือใหม่ควรรู้ ว่าการกระจายความเสี่ยงนั้น ควรแยกพอร์ตต่าง ๆ ตามเป้าหมาย ที่ได้ตั้งเป้าไว้ คืออย่างแรก ก่อนที่เราจะลงทุนตามกลยุทธ์ หรือแนวทางในการกระจายความเสี่ยง ในแบบต่าง ๆ ควรหลับมาที่เป้าหมาย

ที่ตั้งเป้าทางการเงินได้ก่อน เพราะการตั้งเป้าหมาย และแยกเป็นพอร์ตตามแต่ละเป้าหมาย จะช่วยให้คุณนั้นสามารถไปถึงเป้าหมาย ทางการลงทุน ได้มากกว่า อาทิเช่น อยากตั้งเป้าหมาย เผื่อวัยเกษียณ ซึ่งการลงทุนก็จะต้องเป็นการลงทุน ที่ลงทุนในระยะยาว เพราะฉะนั้นสัดส่วน ที่อยู่ในพอร์ตการลงทุน

จึงควรที่จะเป็นพอร์ตที่ลงทุนในกองทุนรวมหุ้น และกองทุนตราสารหนี้ระยะยาว เป็นต้น หรือหากเป็นเป้าหมาย ที่เราวางไว้ในระยะสั้น อาทิเช่น การดาวน์รถ สัดส่วนของการลงทุน ก็อาจจะเป็น กองทุนรวมตลาดเงิน หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ ในระยะสั้น เป็นต้น เพราะฉะนั้นควรตั้งเป้าหมาย และแยกพอร์ตก่อน

ที่มา: วิธีกระจาย “ความเสี่ยง” ที่เหมาะสม ควรเป็นแบบไหน ? [3]

แนวทางในการลงทุน การกระจายความเสี่ยง ที่เป็นที่นิยม มีอะไรบ้าง

สำหรับแนวทาง ที่จะมาแนะนำ ในการลงทุน ในรูปแบบการกระจายความเสี่ยง วันนี้มี 3 แนวทาง ได้แก่

  1. แนวทาง Income Model แนวทางนี้จะเป็นโมเดล แบบเน้นกระจายการลงทุน เพื่อสร้างรายรับที่แน่นอน และสม่ำเสมอ มักจะลงทุน ในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ แบบ 100% หรือการลงทุนในตราสารหนี้ 80% และการลงทุนในหุ้น 20% เป็นต้น
  2. แนวทาง Balanced Model / Moderate Model แนวทางของโมเดลนี้ จะเป็นแบบสมดุล คือจะมีความเสี่ยง ที่อยู่ในระดับปานกลาง เช่น การลงทุนในตราสารหนี้ 60% และหุ้น 40% หรือการลงทุนในตราสารหนี้ 50% และหุ้น 50% หรือจะเป็นการลงทุนในหุ้น 60% และตราสารหนี้ 40% เป็นต้น
  3. แนวทาง Growth Model จะเป็นการลงทุนที่เน้นการเติบโตของพอร์ต ซึ่งจะลงทุนในหุ้นเป็นส่วนใหญ่ คือจะลงทุนในหุ้นแบบ 70% และจะลงทุนในตราสารหนี้ 30% หรือลงทุนในหุ้นแบบ 100% ซึ่งแนวทางนี้ จะเหมาะเฉพาะกับผู้ที่เป็นนักลงทุนมือฉมัง และสามารถรับความเสี่ยงได้สูง

การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ในเทรนปัจจุบัน ลงทุนแบบไหน

สำหรับการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง ในการลงทุนในปัจจุบันนั้น ควรเน้นการลงทุน ที่ลงทุนในสินทรัพย์ ที่หลากหลาย ไม่พึ่งพาตลาดเพียงตลาดเดียว เพราะด้วยความผันผวนของตลาด ควรซื้อสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เช่น กองทุนรวม อุตสาหกรรมขนาดเล็ก อุตสาหกรรมขนาดกลาง

และที่สำคัญควรลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ เพราะในปัจจุบันการลงทุน มีวิธีการลงทุนที่หลากหลาย ยิ่งเป็นการลงทุน ในรูปแบบกระจายความเสี่ยง ก็สามารถทำได้หลากหลายเช่นกัน โดยเฉพาะการลงทุนในพอร์ตต่าง ๆ ที่อาจจะลงทุนในหุ้น ในตราสารหนี้ ในทองคำ หรือแม้แต่ ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

ซึ่งการลงทุน ในรูปแบบการกระจายความเสี่ยงนี้ สามารถช่วยลดความผันผวน ของเศรษฐกิจ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และสามารถทำกำไร ให้กับนักลงทุน ได้มากกว่าการกระจุกตัว

การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง กับบทสรุป

การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง

สรุป การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง เป็นหลักการลงทุน ที่นักลงทุนมือใหม่ และมือฉมัง ให้ความสนใจ และใช้กลยุทธ์นี้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะกระจายความเสี่ยง ในกลยุทธ์ หรือรูปแบบไหน ก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น แต่ควรคำนึงถึงเป้าหมาย ว่าการลงทุนที่ได้ลงทุน ไปได้มากหรือน้อยแค่ไหน

ความเสี่ยงในการลงทุนนั้น มีกี่ประเภท และมีอะไรบ้าง

สำหรับความเสี่ยงในการลงทุน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือความเสี่ยงที่เป็นระบบ และความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ ซึ่งแบ่งได้เป็นความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้ ความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงทางอุตสาหกรรม และความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ

การลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง มีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน

สำหรับการลงทุน ในรูปแบบการกระจายความเสี่ยง เรียกได้ว่ามีทั้งประโยชน์ และโทษ กล่าวคือ หากผู้ลงทุนลงทุนแบบไม่มีการกระจายความเสี่ยง ก็มีความเสี่ยงสูง หากการลงทุนในหุ้นนั้น ๆ มีความผันผวน แต่ถ้ากระจายความเสี่ยงมากเกินไป ก็อาจจะได้รับผลตอบแทน ที่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยที่ควรได้รับเช่นกัน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง