
การลงทุน แบบมือฉมัง ยังไงให้ผู้ลงทุน ประสบความสำเร็จ
- LittleHydrangea
- 18 views
การลงทุน แบบมือฉมัง คือ การลงทุนที่อาศัยประสบการณ์ และความรู้ที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยในการปรับเปลี่ยน หรือซื้อขายหุ้น ในการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยง ที่จะเกิดขึ้นตามมา โดยอาศัยประสบการณ์ ในการตัดสินใจและรู้ว่าสิ่งใดควร หรือไม่ควรจากประสบการณ์
ในแนวคิดการลงทุนแบบมือฉมังนั้น ภายในแนวคิดนี้ ผู้ลงทุนนั้น ๆ จะมีประสบการณ์ในการลงทุน เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ ซึ่งสำหรับมือฉมังแล้ว ผู้ลงทุนมักจะมีประสบการณ์ ในการตัดสินใจในการลงทุน ซึ่งจะช่วยทำให้การลงทุนนั้น มีความรอบคอบ มีเหตุผล และหลักการรองรับ ในการลงทุนอยู่เสมอ
ซึ่งนอกจากนี้ การลงทุนแบบฉบับมือฉมัง จะต้องมีการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการลงทุน กับบริษัทที่ผู้ลงทุนนั้น เลือกลงทุน และมีความรอบคอบ ในการเลือกที่จะซื้อขายแบบถูกจังหวะ ทำให้ผู้ลงทุนที่เป็นนักลงทุนแบบมือฉมัง จะต้องมีประสบการณ์ในการลงทุน ไม่มากก็น้อย สำหรับการรู้จังหวะ
และรู้ระบบกลไกของตลาด พร้อมทั้งมีการวิเคราะห์ และการตัดสินใจ ในการเลือกลงทุน กับกองทุน หรือสินทรัพย์ที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะการลงทุนกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือนั้น จะช่วยสร้างความมั่นคงในการลงทุนได้ และยังมีการรับประกันผลตอบแทนที่สม่ำเสมออีกด้วย
ที่มา: 4 วิธีคัดหุ้นดี น่าลงทุน! เปลี่ยนคุณเป็นนักลงทุนมือฉมัง [1]
สำหรับหลักการในการตัดสินใจ ที่จะเลือกลงทุน หรือการเลือกที่จะไม่ลงทุน กับหุ้นต่าง ๆ เมื่อมีความรู้สึกไม่มั่นใจ มักจะมีปัจจัยหลายอย่าง ที่ส่งผลต่อความลังเลใจ ในการลงทุนกับหุ้นตัวนั้น ๆ ทั้งข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมา และความลังเล ที่เกิดจากประสบการณ์ อาทิเช่น วิธีการ ลงทุนในหุ้น แบบชาวสวน
ที่ผู้ลงทุนนั้น ๆ ควรที่จะต้องมีความรู้ ประสบการณ์ และความเข้าใจ ในการลงทุนให้ดี เพราะถ้าหากเกิดความลังเลในหุ้นตัวนั้น ๆ มักจะส่งผลต่อกำไร จึงมักจะทำให้ผู้ลงทุน เกิดความไม่อยากลงทุน กับหุ้นตัวนั้น ๆ ต่อ นอกจากนี้ ยังการมีความรู้สึกผิดปกติกับหุ้นตัว และการเห็นถึงความเสี่ยง ที่อาจจะเกิด
จากการขาดทุนในหุ้นตัวนั้น ๆ ในอนาคต ดังนั้นการประเมินความเสี่ยง ก็มีความสำคัญอยู่มาก อีกทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยทางด้านเทคนิค การขาดประสบการณ์ในการมองตลาด และความรู้สึกกลัวที่จะลงทุน มักจะทำให้เสียโอกาสในการลงทุนในหุ้นได้เช่นกัน
ที่มา: 9 ‘Mindset การลงทุน’ ที่ต้องรู้…ก่อนล้างพอร์ต [2]
ในการจัดการกับพอร์ตหรืออารมณ์ เมื่อหุ้นมีการขาดทุน หรือข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้ลงทุนควรจะมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด และการคำนึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะการตัดสินใจแต่ละรูปแบบ มักจะมีผลต่ออนาคต ในการลงทุนครั้งหน้า โดยการจัดการกับพอร์ตนั้น ๆ ผู้ลงทุนควรจะมีการจัดการกับพอร์ต
อย่างการล้างพอร์ต ที่ไม่ได้สร้างผลกำไรให้กับผู้ลงทุน และการพิจารณาเพิ่มเติม ว่าพอร์ตตัวไหนนั้น มีโอกาสที่จะเติบโตได้ ในอนาคต จึงค่อยเลือกลงทุนต่อ ส่วนเรื่องของอารมณ์ ผู้ลงทุนควรจะมีสติ มีความใจเย็น และมีสมาธิอยู่เสมอ ในการลงทุนนั้น ๆ
เพราะถ้าหากขาดสิ่งเหล่านี้ไป จะทำให้ผู้ลงทุนเลือกกระทำ ในสิ่งที่อาจส่งผลเสีย ต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก การควบคุมอารมณ์นั้น จึงเป็นเหมือนกับสิ่งสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ในการลงทุนก็ว่าได้
ในภาวะที่ตลาดไร้ทิศทาง กลยุทธ์ที่สามารถสร้างผลตอบแทน ให้กับผู้ลงทุนได้อย่างมั่นคง และมีความสม่ำเสมอ จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ แบบผู้มีประสบการณ์ ที่ถ่ายทอดวิธีการในการรับมือ กับปัญหาที่เกิดขึ้น ในการลงทุนได้หลายรูปแบบ ทั้งวิธีในการสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม
จากภาวะตลาดที่ไร้ทิศทาง โดยการใช้กลยุทธ์ ในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ซึ่งจะเป็นการลงทุน ในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์ ที่สามารถสร้างผลกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดยังไร้ทิศทาง หรือการเลือกใช้กลยุทธ์ Option ในการขายหุ้น ที่มีความเสี่ยงต่ำ เพื่อสร้างผลตอบแทน
ในขณะที่ตลาดมีความผันผวน และไร้ทิศทาง ในรูปแบบนัก เทรดหุ้น แบบมือฉมัง หรือ การลงทุน แบบเน้นคุณค่า โดยการอ่านบทวิเคราะห์ เพื่อหาวิธีที่เหมาะสม ในการแก้ไขปัญหา ในการลงทุน ในหุ้นนั่นเอง
ที่มา: กำจัดความผันผวน ด้วยกลยุทธ์ Market Neutral [3]
การมองความเสี่ยง มีความแตกต่าง จากความไม่แน่นอน คือ ความเสี่ยงนั้นสามารถวัดได้ จากปริมาณ หรือตัวเลข ที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงในการลงทุน ต่างจากความไม่แน่นอน ที่จะเป็นสภาวะ ที่ไม่สามารถวัดได้ ดังนั้นความเสี่ยง มักจะสามารถวัดได้จากค่าต่าง ๆ ในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเงิน
หรือเรื่องของตัวเลข และปริมาณการซื้อ-ขาย หรือการพิจารณาจากค่าของกราฟ ที่มีสัดส่วนที่ลดต่ำลง ซึ่งจะแสดงถึงความเสี่ยง ในการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการสังเกตจากตัวเลข หรือแผนภาพ ในความไม่แน่นอน จะไม่สามารถวัดได้ จากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่จะวัดได้จากประสบการณ์ ของผู้ลงทุน
ที่รู้สึกว่าการลงทุนนั้น ๆ เกิดความไม่แน่นอนเกิดขึ้น หรือมีมุมมอง หรือประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ก็จะทำให้มีความรู้สึกไม่มั่นใจ ในความไม่แน่นอนต่าง ๆ นั่นเอง
สำหรับสัญญาณ ในการบ่งบอกว่า หุ้นตัวนั้น ๆ ถึงเวลาที่จะต้องขายหุ้นแล้ว สามารถพิจารณาได้ จากมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้น ๆ หรือพิจารณาจากกราฟ ที่มีค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะมีโอกาสในการทำกำไร ได้มากหรือน้อย มักจะมีสัญญาณเตือน สัญญาณในความเสี่ยง หรือความผันผวนของตลาด บ่งบอกอยู่เสมอ
ซึ่งหากพบว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นตัวนั้น ๆ มีค่าสูงขึ้น หรือปรับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก็เป็นหนึ่งในตัวสัญญาณ ที่บ่งบอกว่าผู้ลงทุน ควรขายหุ้นตัวนั้น เพราะการที่หุ้นตัวนั้น ๆ สามารถสร้างมูลค่าในตัวเองได้มากที่สุด ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งนั้น สามารถพิจารณาได้จากตารางกราฟ หรือค่าตัวเลขของผลประกอบการ
และหากพบว่าหุ้นตัวที่ผู้ลงทุน เลือกลงทุนไปนั้น มีผลกำไรตรงที่กับเป้าหมายในการลงทุนแล้ว นั่นก็ถือเป็นสัญญาณ ที่บ่งบอกถึงเวลา ที่ผู้ลงทุนควรขายหุ้นตัวนั้น เพราะถ้าหากถือไว้ ผู้ลงทุนก็อาจจะขาดทุน ในเวลาที่จะขายหุ้น ให้ได้กำไรมากที่สุดได้ และอาจจะต้องยอมรับความเสี่ยง ในผลที่จะเกิดขึ้นตามมา
สรุป การลงทุน แบบมือฉมัง เป็นการลงทุนในรูปแบบของความเข้าใจ ในปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ในการลงทุน โดยในความเข้าใจนี้ จะเกิดจากการมีประสบการณ์ เข้ามามีผลกับการตัดสินใจต่าง ๆ ในการลงทุน และการมีความรอบคอบ ในเรื่องของการจัดการความเสี่ยง และการจัดการกับอารมณ์
หุ่นที่ดีจะเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่ง ในเรื่องของการลงทุนที่สูง และให้ตอบแทนในผลกำไร ที่สูงกว่าการลงทุนกับหุ้นที่ถูก เพราะการลงทุนกับหุ้นที่มีราคาต่ำ มักจะไม่มีความแข็งแกร่ง ในด้านความมั่นคงของตัวกำไร และยังมีความเสี่ยง ในเรื่องของความน่าเชื่อถือ และมูลค่าของหุ้น ที่อาจจะลดในอนาคต
การลงทุนที่ผู้ลงทุน ไม่ควรทำการลงทุน คือ การลงทุนกับสิ่งที่ไม่มีความเข้าใจ หรือมีความมั่นใจ ในหุ้นตัวนั้น ๆ เพราะจะทำให้ผู้ลงทุน มองไม่เห็นถึงอนาคต หรือหลักการทำงาน ของหุ้นตัวนั้น ๆ ซึ่งอาจจะทำให้การลงทุน มีข้อผิดพลาดได้ ผู้ลงทุนจึงไม่ควรจะลงทุน กับหุ้นที่ผู้ลงทุนไม่มีความเข้าใจนั่นเอง