การลงทุน แบบมืออาชีพ แบบนักลงทุนที่มีชื่อเสียง

การลงทุน แบบมืออาชีพ

การลงทุน แบบมืออาชีพ เป็นการลงทุน ที่มีหลักการในการลงทุน ที่สมเหตุสมผล และมีที่มาที่ไป โดยที่ผู้ลงทุนระดับมืออาชีพนั้น มักจะมีความเข้าใจในการลงทุน ที่ตัวเองได้ลงไป และมีความเข้าใจ ในตัวหุ้น หรือบริษัทที่เลือกลงทุนไป ซึ่งจะทำให้การลงทุนนั้น ๆ มีความเสี่ยงที่น้อยลง

  • แนะนำการลงทุนแบบมืออาชีพอย่างเข้าใจง่าย
  • แนะนำการกระจายความเสี่ยง ในการลงทุนแบบมืออาชีพ
  • ถอดแนวคิดและวิธีการในการลงทุนแบบมืออาชีพ

 แนวความคิดในการลงทุน แบบมืออาชีพ คืออะไร

แนวความคิดในการลงทุนแบบมืออาชีพนั้น คือ ผู้ลงทุนจะต้องมีความรอบคอบ ในการตัดสินใจ ในการลงทุนกับสินทรัพย์ หรือบริษัท ที่ผู้ลงทุนได้ลงทุนไป ซึ่งจะต้องพิจารณา จากหลักการพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งทางด้านของการเงิน การบริหารงาน ทีมงานในบริษัท และการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ตลาดอยู่เสมอ

ซึ่งแนวคิดในการลงทุนแบบมืออาชีพนั้น จะมีอยู่หลากหลายวิธี เช่น การวางแผนที่ดีในการลงทุน เพราะการวางแผนที่ดี ก่อนการเริ่มต้นลงทุน จะช่วยทำให้มองเห็นถึงเป้าหมาย และวิธีการในการลงทุน ของผู้ลงทุน ซึ่งมีความสำคัญ ตั้งแต่การเริ่มต้น จนถึงการบรรลุในเป้าหมาย ในการลงทุนนั่นเอง

นอกจากนี้ การลงทุนแบบมืออาชีพ ยังมีการบริหารความเสี่ยง ที่จะช่วยให้การลงทุนนั้น มีความเสี่ยงที่ลดลง เพราะการนำเงิน ไปลงทุนกับการกระจายความเสี่ยง จะทำให้เงินไม่จมอยู่กับการลงทุนรูปแบบเดียว ที่ทำให้มีความเสี่ยง ที่มากเกินไป อย่างการ ลงทุนแบบ Warren Buffett เป็นต้น

ที่มา: ลงทุนผ่านมืออาชีพ VS. ลงทุนด้วยตัวเอง แบบไหนดีกว่ากัน? [1]

อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่นักลงทุนมืออาชีพ ควรให้ความสำคัญมากที่สุด

สิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุนแบบมืออาชีพนั้น มีอยู่หลากหลายรูปแบบ และหลากหลายประเภท ซึ่งการให้ความสำคัญกับสิ่งต่าง ๆ ก่อนการลงทุนนั้น เป็นเหมือนกับการที่นักลงทุน ได้รีเช็กตัวเอง ว่ามีความพร้อม ในการลงทุนหรือไม่ เพราะการประมาณตนนั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญ ในการลงทุนกับหุ้น หรือสินทรัพย์

ที่เหมาะสมกับตนเองเช่นกัน ซึ่งสิ่งสำคัญอย่างแรก ในการลงทุนแบบมืออาชีพนั้น คือ การประเมินความเสี่ยง และการประเมินผลตอบแทน ในสิ่งที่เป็นตัวแปรในการลงทุน เพราะการประเมินความเสี่ยง จะสามารถช่วยให้ผู้ลงทุน สามารถประเมินความสำเร็จได้ในอนาคต และสามารถประเมินผลตอบแทน

ในการบรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การศึกษาข้อมูลของหุ้น หรือบริษัทนั้น ๆ อย่างละเอียด ก็ทำให้ผู้ลงทุน มีความเข้าใจในการลงทุนนั้น ๆ และสามารถมองเห็น ถึงความสามารถที่แท้จริงของบริษัท เหมือนอย่าง แนวคิดของ Peter Lynch ที่ให้เริ่มต้นลงทุน ในสิ่งที่ตนเองรู้จักดี

ที่มา: 5 หัวใจหลัก ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ [2]

นักลงทุนมืออาชีพ ควรเริ่มต้นวิเคราะห์การลงทุน จากตรงไหนก่อน

หากอยากเป็นนักลงทุนมือชีพ ผู้ลงทุน ควรที่จะเริ่มต้นการลงทุน จากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ในการลงทุนต่าง ๆ ทั้งในตัวหุ้นนั้น ๆ และบริษัทนั้น ๆ ที่ผู้ลงทุนต้องการจะไปลงทุน ซึ่งปัจจัยพื้นฐาน อย่างการรู้การบริหารการลงทุน การบริหารงาน และความพร้อมของทีมงาน ในบริษัทนั้น ๆ

ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มีส่วนช่วยทำให้บริษัท ผู้ลงทุนสามารถคาดคะเน และประเมินผลตอบแทน ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ นอกจากนี้ การจัดสรรพอร์ตการลงทุนอยู่เสมอ ยังสามารถช่วยทำให้ผู้ลงทุน สามารถคาดคะเนถึงผลตอบแทน ว่าหุ้นตัวนั้น ๆ มีโอกาสเติบโต ในอนาคต และหลีกเลี่ยงการขาดทุน

จากการฉ้อโกง และยังทำให้ผู้ลงทุน ไม่เจอนักลงทุน และผู้จัดการกองทุนอย่าง Bernie Madoff ปีศาจนักลงทุน ที่ถือว่าเป็นนักลงทุน ที่เรียกได้ว่าเป็นอาชญากรทางการเงิน ที่สร้างความเสียหาย ให้แก่ผู้ลงทุน ที่มากที่สุดในประวัติการณ์

ที่มา: 5 หัวใจหลัก ที่จะเปลี่ยนคุณให้เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ [3]

การลงทุนแบบมืออาชีพ ควรมีวินัยในด้านใดมากที่สุด

การลงทุน แบบมืออาชีพ

ในด้านของวินัยในการลงทุนแบบมืออาชีพนั้น สำหรับนักลงทุนมืออาชีพ ควรที่จะต้องมีวินัยในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการเข้าใจในหลักการลงทุนขั้นพื้นฐาน การดูแลพอร์ต และการปรับพอร์ตการลงทุน ให้เหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ถือว่าเป็นวินัยทางด้านของความสม่ำเสมอ

ที่ผู้ลงทุนระดับมืออาชีพนั้นจะต้องมี เพราะความสม่ำเสมอ การดูแลพอร์ต การปรับพอร์ตการลงทุนตามสถานการณ์ และการเข้าใจ และทำตามหลักการ จะทำให้ผู้ลงทุนสามารถข้ามผ่าน และมองเห็นถึงโอกาส เมื่อหุ้นเกิดความผันผวนของราคา นอกจากนี้การมีวินัย ยังทำให้ผู้ลงทุนสามารถตรวจสอบ

และวิเคราะห์อนาคตของหุ้นตัวนั้น ๆ ว่ามีโอกาสเติบโตมากน้อยเพียงใด และผู้ลงทุน ยังควรต้องมีวินัย ในการประเมินตัวผู้ลงทุนเองอีกด้วย ว่ามีความสำเร็จ ต่อเป้าหมาย ที่ต้องการมากน้อยเพียงใด กี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเป็นการทบทวน กับตัวเองด้วยว่า สามารถทำได้ตรงกับเป้าหมายหรือไม่อีกด้วย

กลยุทธ์การจัดพอร์ตของมืออาชีพต่างจากนักลงทุนทั่วไปอย่างไร

กลยุทธ์ในการจัดพอร์ตสำหรับมืออาชีพนั้น จะแตกต่างกับนักลงทุนทั่วไป ในตรงที่นักลงทุนมืออาชีพ จะมีความรอบคอบในการลงทุนสูง และมีการประเมินความเสี่ยง ที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนระดับมืออาชีพนั้น สามารถคาดการณ์อนาคตของหุ้นตัวนั้น ๆ ว่ามีโอกาสที่ราคาของหุ้นขึ้นหรือลง

จากการติดตามข่าวสาร และจากประสบการณ์ ทั้งนี้ยังมีการกระจายความเสี่ยง ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในด้านของการลงทุน ที่ผู้ลงทุนระดับมืออาชีพ จะมีการเลือกลงทุนกับหุ้น หรือสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ เพื่อรองรับความเสี่ยง ในการขาดทุนเพิ่มเติม เช่น การลงทุน ในอสังหาริมทรัพย์ หรือพันธบัตรรัฐบาล

ที่สามารถช่วยลดความเสี่ยง ในการลงทุนกับหุ้นประเภทเดียว และลดการขาดทุนได้ ทั้งนี้ยังมีการติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ที่ช่วยให้นักลงทุนมืออาชีพ สามารถได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า จากการลงทุนอีกด้วย

นักลงทุนมืออาชีพนั้น เขามีวิธีจัดการกับความเสี่ยงอย่างไร

สำหรับนักลงทุนมืออาชีพนั้น เขามักจะมีการจัดการความเสี่ยง โดยการกระจายความเสี่ยง ในการลงทุนกับหุ้น หรือการลงทุนประเภทอื่น ๆ มีการตัดหรือขายหุ้น ที่ไม่ได้สร้างผลกำไรทิ้ง และการเข้าใจหลักการของตัวเองอย่างแน่วแน่ เพราะนักลงทุนมืออาชีพนั้น จะมีกระบวนการในความคิด และกระบวนการ

ในการตัดสินใจที่เด็ดขาด และรวดเร็ว มากกว่าบุคคลทั่วไป อาทิเช่น การตัดหุ้นที่ไม่ได้สร้างผลกำไร ผู้ลงทุนมือใหม่ หรือผู้ลงทุนรายย่อย มักจะกลัวว่า หากติดทิ้งไป อาจจะเสียผลประโยชน์ หรืออาจจะทำให้ขาดทุนมากกว่า ซึ่งผู้ลงทุนรายใหม่ส่วนมาก จะไม่ได้คาดว่าการขายหุ้นนั้น ๆ หรือการล้างพอร์ต

จะสามารถช่วยทำให้ลดต้นทุน ในเรื่องของค่าใช้จ่าย และในเรื่องของราคาในการซื้อขาย ที่จะช่วยให้ลดปัจจัยในการขาดทุนได้ เพราะฉะนั้นหากผู้ลงทุนมือใหม่ อยากลงทุนแบบมืออาชีพ ผู้ลงทุนมือใหม่ ก็สามารถเพิ่มการจัดการความเสี่ยง ได้ด้วยการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญได้อีกด้วย

การลงทุน แบบมืออาชีพ กับบทสรุป

การลงทุน แบบมืออาชีพ

สรุป การลงทุน แบบมืออาชีพ เป็นการลงทุนที่มีความรอบคอบและมีความเข้าใจในตัวของการลงทุน อีกทั้งยังมีความเข้าใจ ในปัจจัยพื้นฐานในการลงทุน และมีการจัดการกับความเสี่ยง ในหลาย ๆ รูปแบบ และมีการตัดสินใจที่รอบคอบ เพื่อรักษาผลตอบแทน และสร้างกำไรให้มากที่สุด

ในระยะยาว อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การลงทุน ประสบความสำเร็จ

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลงทุนให้มีความสำเร็จ คือ ความสม่ำเสมอในการติดตามการลงทุน เพราะตลาดนั้นมีความผันผวนสูงตลอดเวลา ทำให้ต้องมีการติดตามพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตัดสินใจในการซื้อ-ขาย และการสร้างผลกำไร ให้ผู้ลงทุนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

อนาคตของตลาดการเงินในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จะเป็นแบบไหน

ในอนาคตอีก 5-10 ปี ข้างหน้า จะเป็นเทรนด์การลงทุน ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี และ AI เข้ามา เป็นการลงทุนหลัก เพราะการลงทุน กับเทคโนโลยี หรือ AI สามารถตอบโจทย์ การใช้งานในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ซึ่งมีผลอย่างมาก ต่อการลงทุน และควรมองการลงทุนที่กว้างมากขึ้น

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง