
การลงทุน แบบเน้นคุณค่า ลงทุนยังไง ให้มีความยั่งยืน
- LittleHydrangea
- 22 views
การลงทุน แบบเน้นคุณค่า เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ การลงทุน ที่ผู้ลงทุนเลือกลงทุน กับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ หรือบริษัทที่สามารถทำรายได้ ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถให้ผลตอบแทน อย่างสม่ำเสมอ โดยมักจะพิจารณาจากปัจจัย ในการลงทุนจากความชอบ ในบริษัทนั้น ๆ หรือเห็นคุณค่าจากบริษัทนั้น
หลักการในการลงทุน แบบเน้นคุณค่า คือ การเลือกลงทุน กับหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ ในตัวหุ้นที่มีมูลค่า ที่แท้จริงสูง หมายถึงการเลือกซื้อหุ้น ที่มีพื้นฐานของหุ้นที่ดีอยู่แล้ว ในราคาที่ถูกกว่าตลาด ณ ตอนนั้น ๆ ซึ่งผู้ลงทุน ต้องมีความรู้ ในการเลือกสรรหุ้น ที่มีความมั่นคง แต่มีพื้นฐานที่ดี
เพื่อที่จะถือหุ้นในระยะยาว และเก็งกำไร รอรับผลตอบแทน ซึ่งหุ้นประเภทนี้ จะต้องมองหาบริษัท ที่มีความมั่นคง ทางการเงินสูง บริษัทที่มีสภาพคล่องสูง และน่าลงทุนในระยะยาว เพราะเห็นถึงความมั่นคง และความภักดี ของลูกค้า ที่มีต่อบริษัทนั้น ๆ เช่น หุ้น Coca Cola หุ้น PTT เป็นต้น
การลงทุนแบบเน้นคุณค่านั้น จะสามารถทำกำไรได้ดี ในการลงทุนระยะยาวสูง เพราะการถือระยะยาว จะทำให้ตลาดมองเห็นมูลค่าที่แท้จริง ซึ่งผู้ลงทุนต้องมีความรู้ ในการลงทุน ในบริษัทนั้นอย่างมาก ซึ่งก่อนลงทุน ควรศึกษาแนวทาง และข้อมูลของบริษัท ก่อนเสมอ
หลักการในการมองมูลค่า ของบริษัทต่าง ๆ เพื่อรักษามูลค่าในการลงทุน ที่ผู้ลงทุนจะสามารถมองเห็น และทำให้ผู้ลงทุนนั้น ได้กำไรมากที่สุด คือ ผู้ลงทุนจะต้องมองมูลค่าของหุ้นออก และสามารถมองหุ้น เพื่อการลงทุนได้ โดยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ปัจจัยที่ทำให้บริษัทมีความคล่องตัว
ราคาและมูลค่าที่ผ่านมา ของบริษัท และผลประกอบการที่บริษัท คาดการณ์ว่าจะได้รับ คือผู้ลงทุนนั้น จะต้องอ่าน fund fact sheet หาข้อมูลของบริษัทนั้น ๆ และคุณค่าของบริษัทนั้น ๆ ให้เจอก่อน ว่ามูลค่าของบริษัท หรือหุ้นที่ผู้ลงทุน ได้ลงทุนไปนั้น มีปัจจัยต่าง ๆ ที่น่าสนใจหรือไม่ เพื่อประกอบการลงทุน
เพื่อให้ผู้ลงทุนนั้นมองเห็นภาพ ของบริษัทนั้น ๆ ออก และ สามารถมองภาพอนาคต ของหุ้นตัวที่จะลงทุนออก ว่ามูลค่าในอนาคต จะมีโอกาสที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน การตัดสินใจลงทุนในหุ้น ผู้ลงทุนควรจะศึกษาการลงทุนในรูปแบบนั้น ๆ อย่างละเอียด ให้มากที่สุดเสมอ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง
ที่มา: ทำความรู้จักกับการลงทุนแบบ VI [1]
สำหรับจุดเด่น ของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า จะเป็นการที่ผู้ลงทุนนั้น สามารถมองดูคุณค่าของบริษัท ที่ผู้ลงทุนนั้น ต้องการจะลงทุนได้ โดยใช้ปัจจัยต่าง ๆ ในการคัดเลือก หรือการเลือกลงทุน โดยมีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคง แต่มูลค่าที่จะซื้อ ณ ตอนนั้น ๆ ก็ต้องต่ำด้วยเช่นกัน กล่าวคือ มูลค่าของบริษัทนั้น
ณ ตอนที่ซื้อ ผู้ลงทุนควรที่จะซื้อ หรือช้อนซื้อ ในตอนที่ราคาของบริษัท มีมูลค่าต่ำในตลาด และซื้อในตอนที่คาดการณ์ว่า ราคาของบริษัทนั้น ๆ มีมูลค่าต่ำกว่า มูลค่าที่แท้จริง ของการลงทุน ในอนาคต ซึ่งผู้ลงทุนนั้น ต้องมีความอดทน ในการรอคอยมูลค่าที่แท้จริงของหุ้น ที่เลือกลงทุน
เพราะการที่ตลาดนั้น ยังมองไม่เห็นคุณค่าของหุ้นตัวนั้น เพราะตลาดยังคิดว่าหุ้นตัวนั้น ยังไม่มีความจำเป็นในขณะนั้น ซึ่งการลงทุน ต้องมีความรู้ความสามารถ ในการมองมูลค่าของหุ้นตัวให้ออก และถือหุ้นตัวนั้นได้ ในระยะยาว เพื่อสร้างผลกำไร โดยใช้การลงทุนที่น้อย แต่ให้ผลกำไรที่มาก
ที่มา: What it is and how it works [2]
ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณค่าของบริษัท ที่ผู้ลงทุนต้องการที่จะเลือกลงทุนส่วนใหญ่ จะเป็นปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งภายใน และภายนอกบริษัทนั้น ๆ เช่น สภาพคล่องทางการเงิน, กระแสเงินสด, หนี้สิน, สภาวะเศรษฐกิจ, และอัตราดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ถือเป็นปัจจัย ที่ส่งผลกระทบอย่างมาก ต่อความคุ้มค่า
ของบริษัท หรือหุ้นที่ผู้ลงทุนนั้น ได้ลงทุนไป ส่วนปัจจัยภายใน คือความสามารถ ในการสร้างผลกำไร ที่กลุ่มของผู้บริหารบริษัท ณ ตอนนั้น ให้กับบริษัท ซึ่งบริษัทที่จะเลือกลงทุน ควรเป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญ กับผลประกอบการ และผลกำไรที่สม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีปัจจัยทางด้านของหนี้สินของบริษัท
หรือกระแสเงินสด ที่ทำให้บริษัทมีความคล่องตัว และสามารถบริหารจัดการได้ ในระยะยาว ถึงแม้ว่าปัจจัยภายนอก ที่เกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ จะมีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากเลือกลงทุน ในบริษัทที่มีความมั่นคงสูง ก็จะทำให้มูลค่าของบริษัทนั้น ๆ เพิ่มสูงขึ้นได้ สวนทางกับความผันผวนนั่นเอง
ที่มา: Value Investing Definition, How It Works, Strategies, Risks [3]
สำหรับวิธีการสังเกตผลการลงทุน ว่าหุ้นตัวไหน ลงทุนแล้วมีคุณค่านั้น คือการที่นักลงทุนนั้นมีความสามารถ ในการมองมูลค่าของหุ้นตัวนั้น ว่ามีศักยภาพ หรือพื้นฐานความมั่นคงของบริษัท ว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด โดยประเมินจากความต้องการของตลาด หรือปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ เช่น เงินทุน,
ความต้องการ, และความมั่นคงของบริษัท โดยที่ผู้ลงทุนนั้น ควรจะมีเป้าหมายในการลงทุน และวัตถุประสงค์ เพราะการกำหนดขอบเขต ในการลงทุนนั้น จะทำให้ผู้ลงทุนนั้น สามารถมองเห็นภาพความต้องการของตัวเอง และความพอใจ ในการลงทุน ว่ามีความพอใจ อยู่ในระดับไหน
โดยที่การลงทุน ควรจะมีการกำหนดระยะเวลาการลงทุน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ในการลงทุน โดยการถือหุ้นไว้นาน ๆ อาจจะส่งผลที่ดีต่อผลกำไร ในอนาคต และควรมีเป้าหมาย ในการลงทุน ว่าการลงทุนนั้น ๆ ให้ค่าตอบแทน ที่ตรงกับเป้าหมายหรือไม่
ผลลัพธ์ที่จะเกิดจากการลงทุน ในการลงทุน รูปแบบเน้นคุณค่า คือการที่ผู้ลงทุน สามารถได้รับผลกำไรต่าง ๆ โดยการถือหุ้น เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร และสามารถประเมินสถานการณ์ ที่จะทำการขายหุ้นตัวนั้นได้ ในราคาที่สูง หรือการได้รับผลกำไร ที่ได้จากเงินปันผล ที่มากกว่าเงินทุนที่ลงไป
โดยที่ผู้ลงทุนนั้น จะมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ เพราะผู้ลงทุนนั้น ได้ลงทุน โดยใช้เงินทุนที่น้อย และมีการคาดคะเนในอนาคต ว่าหุ้นที่ได้ลงทุน จะสามารถสร้างผลกำไร ให้กับผู้ลงทุน ได้มากน้อยขนาดไหน ซึ่งจะต้องตอบโจทย์ ให้กับผู้ลงทุน ที่มีประสบการณ์มากเป็นพิเศษ
เพราะการลงทุนรูปแบบนี้ จะเป็นการมองอนาคต ของหุ้นตัวนั้น ๆ ว่าในอนาคต จะมีความสามารถ ในการสร้างผลกำไรให้ หรือผลประกอบการ ให้กับผู้ลงทุนได้มากน้อยขนาดไหนนั้นเอง
สรุป การลงทุน แบบเน้นคุณค่า คือ การที่ผู้ลงทุนลงทุนได้ลงทุน กับหุ้นที่มีมูลค่าต่ำ ในตลาด ณ ช่วงเวลาหนึ่ง และทำการถือหุ้นตัวนั้น ในระยะยาว โดยอิงจากปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ เช่น สภาพคล่อง, หนี้สิน เป็นต้น เพื่อเลือกที่จะขายออก หรือถือ เพื่อเก็งกำไร และรับผลตอบแทน ที่มากขึ้นในอนาคต
ความเสี่ยงในการลงทุน แบบเน้นคุณค่า คือความเสี่ยงที่จะลงทุน ในบริษัทที่มูลค่าของหุ้น ที่ต่ำเกินจริง เพราะการลงทุนแบบมีคุณค่านั้น คือต้องใช้ระยะเวลาที่ค่อนข้างมาก มากกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ ทำให้ผู้ลงทุน จะต้องแบกครับความเสี่ยง ซึ่งก่อนลงทุน ควร รู้จัก การลงทุน ให้ดีก่อนเสมอ
ในการคำนวณความคุ้มค่า ที่รับจากการลงทุนนั้น คำนวณจากทุนที่ลงไป ซึ่งมีอยู่หลายวิธี โดยวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ Return on Investment (ROI) หรือการคำนวณผลกำไร ที่ได้รับจากการลงทุน กับเงินต้นทุน ซึ่งขอแนะนำ ก่อนลงทุนควรรู้จัก ประเภท การลงทุน เพื่อเลือกการลงทุน ที่เหมาะกับตัวเอง