กีฬาว่ายน้ำ นับคะแนนอย่างไร ข้อสงสัยที่หลายคนอาจไม่เคยรู้

กีฬาว่ายน้ำ นับคะแนนอย่างไร

กีฬาว่ายน้ำ นับคะแนนอย่างไร เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะกีฬานี้เน้นการแข่งขันด้วยเวลา และการเข้าเส้นชัยเป็นหลัก ไม่มีการให้คะแนนแบบแต้มจากกรรมการเน้นความเร็ว และทักษะการว่ายน้ำที่ถูกต้องควบคู่กันไป ทั้งยังมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน พร้อมประเภท และกติกาที่ชัดเจนเพื่อความยุติธรรม ในการแข่งขัน

  • คำอธิบายเกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำ
  • กติกาการแข่งขันของกีฬาว่ายน้ำ
  • ประโยชน์ของการว่ายน้ำ และท่าว่ายน้ำ

ทำความรู้จักกับกีฬาว่ายน้ำ

กีฬาว่ายน้ำเริ่มต้นจัดแข่งขันครั้งแรกในปี พ.ศ. 2416 ที่อังกฤษ โดยตอนนั้นยังไม่จำกัดท่าว่าย ขอแค่ว่ายถึงเส้นชัยเป็นพอ หลังจากนั้นกีฬานี้ได้รับความนิยมมากขึ้น จนถูกบรรจุในโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ. 2436

ในประเทศไทย มีการจัดตั้งสมาคมว่ายน้ำอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2502 โดยมี พล.ร.ท.สวัสดิ์ ภูติอนันต์ เป็นนายกคนแรก และเข้าร่วมกับสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติในปี พ.ศ. 2504 ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 สมาคมฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “สมาคมว่ายน้ำแห่งประเทศไทย” และขยายการดูแลไปยังกีฬาทางน้ำประเภทอื่น เช่น กระโดดน้ำ โปโลน้ำ และระบำใต้น้ำ

ปัจจุบัน การแข่งขันว่ายน้ำมีหลายประเภท ทั้งแยกตามท่าว่าย ระยะทาง และประเภทเดี่ยวหรือทีม จึงทำให้สามารถแข่งขันเพื่อชิงเหรียญได้หลากหลาย อย่างในโอลิมปิกปี 2012 มีการแจกเหรียญทองถึง 34 รายการเลยทีเดียว

ที่มา: ประวัติกีฬาว่ายน้ำ พร้อมกติกากีฬาว่ายน้ำ [1]

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับกีฬาว่ายน้ำ

  • หน่วยงานหลัก: ดูแลโดย FINA (สหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติ)
  • เริ่มแข่งว่ายผลัด: ช่วงปี 1930
  • รูปแบบการแข่งขัน: ว่ายน้ำเป็นกีฬาที่ไม่เน้นการปะทะ
  • ประเภทการแข่งขัน: แข่งเดี่ยวหรือทีม มีทั้งว่ายคนเดียวและว่ายผลัดแบบทีม
  • สถานที่แข่ง: จัดได้ทั้งในสระและแหล่งน้ำธรรมชาติ
  • การจัดแข่งขัน: จัดแข่งขันทั้งระดับประเทศและนานาชาติ
  • เข้าโอลิมปิกครั้งแรก: ปี 1896
  • การชิงแชมป์โลก: เริ่มปี 1973
  • พาราลิมปิก: เริ่มปี 1960
  • ตัวอย่างรายการใหญ่:  ว่ายผลัดชาย 4×100 เมตร โอลิมปิก 2008 ที่ปักกิ่ง

ประเภทของกีฬาทางน้ำ

  • ว่ายน้ำในสระ (Swimming) เป็นประเภทที่คนคุ้นเคยมากที่สุด แข่งกันในสระมาตรฐาน โดยมีท่าว่ายหลัก 4 ท่า ได้แก่ ฟรีสไตล์ กรรเชียง กบ และผีเสื้อ รวมถึงการว่ายผลัดแบบทีม
  • กระโดดน้ำ (Diving) กติกา กีฬากระโดดน้ำ คือผู้แข่งขันจะกระโดดจากสปริงบอร์ดหรือแท่นสูง แล้วทำท่าทางกลางอากาศก่อนลงน้ำ ใช้การควบคุมร่างกายและความแม่นยำสูง
  • โปโลน้ำ (Water Polo) เป็นกีฬาประเภททีมที่เล่นในน้ำ ลักษณะคล้ายแฮนด์บอล แต่ใช้ว่ายน้ำแทนการวิ่ง ผู้เล่นต้องส่งลูกและยิงประตูทีมตรงข้าม
  • ระบำใต้น้ำ (Artistic Swimming) กีฬาระบำใต้น้ำ คืออะไร กีฬาระบำใต้น้ำเป็นการว่ายน้ำที่ผสมผสานกับการเต้น ใช้ท่าทางพร้อมดนตรี แข่งกันเป็นทีม หรือเดี่ยว ต้องอาศัยความแข็งแรงและความพร้อมเพรียง
  • ว่ายน้ำในที่โล่ง (Open Water Swimming) เป็นการแข่งขันว่ายน้ำในแม่น้ำ ทะเล หรือทะเลสาบ ส่วนใหญ่ระยะทางจะยาว เช่น 5, 10 หรือ 25 กิโลเมตร ต้องอาศัยความอึดและทนทาน

กติกาการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำ และการนับคะแนน

กีฬาว่ายน้ำ นับคะแนนอย่างไร

ก่อนจะลงแข่งว่ายน้ำ ไม่ว่าจะในระดับโรงเรียนหรือระดับโลก ทุกคนต้องปฏิบัติตามกติกาที่ชัดเจน เพื่อให้การแข่งขันยุติธรรม และปลอดภัย กติกาหลักๆ จะเกี่ยวกับท่าว่าย ระยะทาง วิธีปล่อยตัว และขั้นตอนในการว่ายผลัด ซึ่งมีรายละเอียดที่ผู้เข้าแข่งขันต้องรู้และทำให้ถูกต้อง

  • กำหนดท่าและระยะทางล่วงหน้า ก่อนแข่งจะระบุชัดเจนว่าต้องว่ายท่าไหน และระยะเท่าไหร่ ผู้เข้าแข่งขันต้องทำตามที่กำหนด
  • หลักการตัดสินผู้ชนะ ใครว่ายถึงเส้นชัยก่อน ถือว่าเป็นผู้ชนะ
  • ตัวอย่างการแข่งขัน เช่น ฟรีสไตล์ 100 เมตร ถ้าสระยาว 50 เมตร ต้องว่ายไปกลับ 1 รอบ
  • ขั้นตอนการปล่อยตัว กรรมการจะเป่านกหวีดยาวให้นักกีฬาขึ้นแท่น จากนั้นพูดว่า “เข้าที่” แล้วจึงให้สัญญาณเริ่มด้วยเสียงปืนหรือเสียงออด
  • ข้อยกเว้นสำหรับบางท่า ท่ากรรเชียงและผลัดผสม ไม่ขึ้นแท่นกระโดด แต่เริ่มปล่อยตัวจากในสระ
  • กติกาการว่ายผลัด นักกีฬาคนต่อไปห้ามกระโดดลงก่อนที่เพื่อนร่วมทีมจะสัมผัสขอบสระ หากทำผิดจะถูกตัดสิทธิ์ทันที

ที่มา: ประวัติกีฬาว่ายน้ำ พร้อมกติกากีฬาว่ายน้ำ [1]

กีฬาว่ายน้ำไม่มีการนับคะแนนแบบให้แต้มจากกรรมการ แต่จะตัดสินจากเวลาและลำดับการแตะขอบสระ ใครแตะขอบก่อนถือว่าเป็นผู้ชนะ โดยใช้ระบบจับเวลาอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความแม่นยำ จึงเน้นความเร็วและความถูกต้องของท่าเป็นหลัก ไม่ใช้การให้คะแนนจากความสวยงามหรือทักษะอื่นๆ

ประโยชน์ของการว่ายน้ำ

  • บำรุงหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด ช่วยกระตุ้นให้หัวใจทำงานดีขึ้น และทำให้เลือดไหลเวียนได้ทั่วร่างกาย
  • เผาผลาญไขมัน ลดน้ำหนัก หากว่ายต่อเนื่อง 15–20 นาทีขึ้นไป สัปดาห์ละอย่างน้อย 3 ครั้ง จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดี
  • เสริมความแข็งแรงของปอด ช่วยให้ปอดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ เพราะต้องควบคุมลมหายใจขณะว่ายน้ำ
  • กระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อหลายมัดจะได้ใช้งาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงและสมดุลมากขึ้น
  • เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย การเคลื่อนไหวในน้ำช่วยยืดและเหยียดกล้ามเนื้อได้อย่างปลอดภัย
  • ป้องกันอาการข้อติด ข้อต่อต่างๆ ได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ช่วยลดอาการฝืดหรือตึง
  • ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น การออกแรงทั้งร่างกายช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย หลับสบายขึ้นในตอนกลางคืน
  • ลดความเครียดและคลายร้อน ว่ายน้ำช่วยปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น และลดความร้อนจากภายนอกและภายในร่างกาย
  • ส่งเสริมสมาธิ การควบคุมลมหายใจและจังหวะว่าย ช่วยให้มีสมาธิดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว
  • ปรับบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้น การเคลื่อนไหวในน้ำทำให้หลังตรง กล้ามเนื้อกระชับ ส่งผลให้บุคลิกดูมั่นใจขึ้น

ที่มา: ประโยชน์ของการว่ายน้ำ กระชับกล้ามเนื้อ เผาผลาญพลังงาน ลดแรงกระแทก [2]

ประโยชน์ของท่าว่ายน้ำแต่ละท่า

  • ท่าฟรีสไตล์ (Freestyle) เป็นท่าว่ายที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้ เพราะว่ายง่าย ไม่ซับซ้อน และฝึกไม่นานก็ทำได้คล่อง จุดเด่นคือสามารถว่ายได้เร็วและไกลโดยไม่เปลืองแรงมาก แต่ยังได้ออกกำลังครบทั้งแขน ขา และลำตัว
  • ท่ากรรเชียง (Backstroke) ท่านี้เหมาะสำหรับคนที่พอว่ายน้ำพื้นฐานได้แล้ว โดยว่ายในลักษณะนอนหงาย ใช้แขนหมุนสลับกัน จุดเด่นคือช่วยให้ท่าทางดีขึ้น หลังตรงขึ้น และช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นบริเวณสะโพก
  • ท่ากบ (Breaststroke) เป็นท่าที่เน้นความสวยงามและต้องใช้เทคนิคพอสมควร ถ้าทำไม่ถูกจังหวะจะว่ายไม่ต่อเนื่อง จุดเด่นคือช่วยออกกำลังกายได้ดี ทั้งส่วนของหลัง ไหล่ หน้าอก และยังเสริมความแข็งแรงให้กับหัวใจและปอด
  • ท่าผีเสื้อ (Butterfly) ท่าที่ถือว่ายากที่สุด เพราะต้องใช้แรงและจังหวะที่แม่นยำ ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น จุดเด่นคือช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะช่วงบนของร่างกาย เช่น หน้าท้อง หน้าอก และแผ่นหลัง ช่วยให้รูปร่างกระชับ และเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ

ที่มา: 4 ท่าว่ายน้ำ มีประโยชน์อย่างไรบ้าง [3]

สรุปแล้ว กีฬาว่ายน้ำ นับคะแนนอย่างไร

กีฬาว่ายน้ำ นับคะแนนอย่างไร คำตอบก็คือไม่มีการให้คะแนนจากกรรมการ แต่ใช้เวลาและลำดับการเข้าเส้นชัยเป็นตัวตัดสิน ผู้ชนะคือคนที่ว่ายถึงขอบสระก่อน นอกจากนี้กีฬานี้ยังมีประวัติยาวนาน มีหลายประเภทและกติกาที่ชัดเจน เพื่อความยุติธรรมและส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของผู้เล่น

อยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

อยากเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ต้องฝึกว่ายให้คล่องทุกท่า ฟิตร่างกายให้พร้อม แล้วมีวินัยซ้อมอย่างต่อเนื่อง อย่าลืมตั้งใจจริง เพราะความสำเร็จต้องใช้เวลาและความพยายาม

ฝึกเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ ต้องเริ่มจากอะไร ?

เริ่มต้นฝึกว่ายน้ำ ด้วยการเรียนรู้ท่าว่ายพื้นฐานให้คล่อง จากนั้นค่อยเพิ่มความแข็งแรงและความอดทนด้วยการซ้อมอย่างสม่ำเสมอ พร้อมตั้งเป้าหมายและมีวินัยในการฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง