
ข้อคิดลงทุน Keith Rabois นักลงทุนเทคโนโลยี
- LittleHydrangea
- 19 views
ข้อคิดลงทุน Keith Rabois เป็นนักลงทุน ที่มักจะลงทุนในเทคโนโลยี และลงทุนใน Start Up ซึ่งก่อนที่เขาจะลงทุน เขามักจะดูที่ความเป็นเอกลักษณ์ ของแต่ละบริษัท ทำให้การลงทุนของคีธ ราบัวส์นั้น จึงมีความเข้าใจและเป็นเอกลักษณ์ ที่น่าสนใจในการเรียนรู้อีกคนหนึ่ง
จากการค้นคว้าแนวคิด ในการลงทุนของคีธ ได้เห็นว่าคีธนั้น มีข้อคิด และแนวทางในการลงทุนที่น่าสนใจ อย่างแรก คีธได้แนะนำว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้มีกลยุทธ์อะไรในการลงทุน แต่เพียงเขานั้น เป็นคนที่ช่างสังเกต และหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ จึงทำให้การลงทุนของเขานั้น มักจะประสบความสำเร็จนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น 1. การที่เขาแนะนำว่า นักลงทุนที่ดี ควรเป็นคนช่างสังเกต เพราะการช่างสังเกต จะทำให้คุณได้เรียนรู้ ในสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ 2. การออกกำลังกายให้สมอง ด้วยการอ่านหนังสือ เพราะคีธมองว่าสมอง เป็นกล้ามเนื้อที่สามารถพัฒนาได้ และการอ่านหนังสือ ก็ทำให้สมองพัฒนา เช่นกัน
3. การคิดว่าทีมที่สร้าง เป็นเหมือนกับการสร้างบริษัท เพราะคีธมักจะคิดว่า ทีมที่เขาสร้างนั้น เป็นเหมือนกับบริษัทที่เขาสร้าง คือ หากคุณอยากจะสำเร็จ ทีมของคุณก็เป็นส่วนสำคัญ ในบริษัทเช่นกันซึ่งนี่เป็นเพียงหนึ่งในแนวคิดเบื้องต้น ที่น่าสนใจของคีธเท่านั้น
ที่มา: 15 Things I Learned from Keith Rabois [1]
ในการก่อตั้งบริษัทสตาร์ตอัป ปัจจัยแรก ที่ควรมองในการเลือก บริษัทสตาร์ตอัป คือ ความยืดหยุ่น และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หรือกลไกได้ตามความต้องการของตลาด หรือการทำให้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ตอบโจทย์ แก่ผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งปัจจัยแรก ในการมองก็คือ บริษัทสตาร์ตอัปนั้น ควรมีผู้บริหาร
ที่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล เพราะการที่ผู้บริหาร มีวิสัยทัศน์ที่ดี ทำให้ผู้บริหาร สามารถอดทน ต่อแรงกดดัน และสามารถดึงดูดคนเก่ง ซึ่งจะทำให้พนักงานบริษัทนั้น มองเห็นสิ่งที่ผู้บริหารตั้งใจทำอยู่ และสามารถดำเนินงาน ไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างดี เหมือนกับ ข้อคิดลงทุน Neil Mehta ที่มองว่าการที่ผู้บริหาร
เป็นผู้ที่มีความสามารถในการพาบริษัท หรือทั้งองค์กร ก้าวผ่านอุปสรรค ที่เกิดขึ้นจากความผันผวนของตลาดจะเป็นผู้บริหารที่ดี ที่สามารถนำพาบริษัท เดินหน้าต่อไปได้ และสร้างกำไรได้อย่างมหาศาลในอนาคต
ที่มา: Keith Rabois [2]
ความคิดของคีธ ที่เป็นสัญญาณ ที่บ่งบอกว่าสตาร์ตอัปนั้น สามารถไปต่อได้ มีอยู่หลายปัจจัย ซึ่งแต่ละปัจจัยนั้น ก็จะอาศัยความสามารถของผู้บริหาร หรือผู้ลงทุน ที่มองเห็นถึงวิสัยทัศน์ และผลิตภัณฑ์ หรือสินค้า ที่ตอบโจทย์แก่กลุ่มผู้บริโภค
ซึ่งผลิตภัณฑ์ของสตาร์ตอัป ที่มีโอกาสที่จะไปต่อได้นั้น ควรจะเป็นผลิตภัณฑ์ ที่มีเอกลักษณ์ และมีอยู่เพียงชิ้นเดียว เพราะการที่ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เคยมีมาก่อน และสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภค ได้มากที่สุด จะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ สามารถตีตลาดได้ดี ซึ่งทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ หรือสินค้านั้น ๆ
ก็ควรเป็นสินค้า ที่มีความเป็นสากล เพื่อให้สามารถตีตลาดทั้งภายใน และต่างประเทศได้ โดยที่สำคัญ บริษัทสตาร์ตอัปนั้น ๆ ก็ควรที่จะมีการปรับปรุง และพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้น ๆ อย่างสม่ำเสมออีกด้วย
เพราะการลงทุนในรูปแบบของคีธ มักจะเป็นการลงทุนในสัญชาตญาณและตัวเลขควบคู่กันเป็นหลัก เพราะคีธเชื่อว่าการที่ผู้ลงทุน ได้ลงทุนในสิ่งที่ตนรู้จัก และให้ความสนใจ จะเป็นการลงทุนที่สามารถทำให้ผู้ลงทุน ได้มองเห็นถึงศักยภาพ ของการลงทุนนั้น ๆ และเมื่อรวมกับการดูตัวเลข ทางด้านการเงิน
และการลงทุนของบริษัทนั้น ๆ จะทำให้ผู้ลงทุน สามารถมองเห็นถึงการคาดคะเน การเติบโตในอนาคต ว่าการลงทุน ในบริษัทนั้น ๆ จะเป็นยังไงได้อีกด้วย แต่ในช่วงเริ่มต้น การลงทุน ก่อนที่จะลงทุน ผู้ลงทุนก็ควรที่จะศึกษา ถึงปัจจัยต่าง ๆ ของบริษัทนั้น ๆ ว่าบริษัทนั้น ๆ ที่จะลงทุนมีพื้นฐานที่ดี
และสามารถไปต่อได้ในอนาคตหรือไม่ นอกจากนี้ยังควรศึกษา ถึงทัศนคติ และวิสัยทัศน์ของผู้บริหารด้วยว่าผู้บริหารเป็นคนยังไง เพื่อจะได้ดูถึงความสามารถในการบริหาร ของผู้บริหารเช่นกัน
ที่มา: What is the most important decision Keith Rabois has ever made? [3]
วิธีการสังเกตผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัพ ที่มีความสามารถระดับโลกนั้น คีธได้ให้คำนิยาม ถึงผู้ก่อตั้งระดับโลกว่า ผู้ก่อตั้งสตาร์ตอัป จะต้องมีปัจจัยต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการสร้างบริษัท ให้มีบรรยากาศ ที่มีความยืดหยุ่น และสามารถเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้มากที่สุด
ซึ่งปัจจัย ที่ทำให้ผู้ก่อตั้ง สามารถไปสู่ระดับโลกได้นั้น คือผู้ก่อตั้ง จะต้องมีความ agressive หรือการที่ผู้ก่อตั้งนั้น ต้องไม่มีความยอมแพ้ ต่ออุปสรรค หรือสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่จะมาทำให้รู้สึกอยากยอมแพ้ อีกทั้งยังต้องมีความเร็ว ในการตัดสินใจ และลงมือทำ ในการทำเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสตาร์ตอัปอีกด้วย
นอกจากนี้ ผู้ก่อตั้งระดับโลก ยังจะต้องมีความสามารถ ในการอธิบายกระบวนการ หรือวิธีการในการทำงานของตัวเอง ให้กับลูกน้องได้อย่างเข้าใจ ซึ่งจะทำให้การทำงานนั้น มีความราบรื่น และสามารถทำงานได้ตรงกับความต้องการของบริษัทมากที่สุด
บทเรียนที่ได้รับจากการลงทุนกับ PayPal ซึ่งเป็นบริษัททางการเงินที่มี Peter Thiel เป็นผู้บริหารระดับสูงอยู่ในขณะนั้น คีธได้รับบทเรียน ในการลงทุน ในด้านของความมุ่งมั่น และความแน่วแน่ ที่ผู้ก่อตั้งจะต้องไม่เสียเวลา ให้กับงานรอง แต่ผู้ก่อตั้งควรมุ่งเน้นไปที่งานหลัก และในเรื่องของความกล้า ที่จะเผชิญหน้า
กับความเสี่ยง ซึ่งคีธนั้นได้รับบทเรียน ในเรื่องของการมองถึงความเสี่ยง ที่อาจจะเกิดขึ้น ก่อนที่จะลงทุนกับบริษัท หรือหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ด้วยการมองความเสี่ยงว่า ความเสี่ยงที่จะได้รับนั้น จะทำให้เขาสามารถมองเห็นถึงจุดเด่น หรือจุดด้อยของหุ้นตัวนั้น ๆ จะทำให้เขาสามารถมองเห็นโอกาส ที่เพิ่มเติม
จากตรงนั้นได้อย่างไร นอกจากนี้ เขายังให้ความสำคัญกับความโปร่งใสของบริษัท ซึ่งในที่นี้ คีธจะไม่ยอมให้บริษัทนั้น ๆ มีความคลุมเครือ ในการทำงาน หรือการบริหารต่าง ๆ ซึ่งบริษัทจะต้องแสดงให้กับผู้บริโภค หรือภายในองค์กรเห็นว่า ที่มาที่ไปของสิ่งต่าง ๆ เริ่มจากอะไร และสุดท้ายจะกลายเป็นอะไร
สรุป ข้อคิดในการลงทุน กับคีธ คือ ข้อคิดในเรื่องของการลงทุน กับบริษัทสตาร์ตอัป ของคีธมี คือการมีความเข้าใจ ในความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ระหว่างการลงทุน เพราะการลงทุน กับสตาร์ตอัปนั้น แม้จะมีโอกาส ที่จะสำเร็จสูง แต่ก็แฝงไปด้วยความเสี่ยงเช่นกัน
เหตุผลที่คีธ ได้เลือกลงทุนกับบริษัท ที่ไม่มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน เป็นเพราะว่าเขาได้มองเห็นถึงปัจจัยพื้นฐาน ที่มีความแข็งแรง และมีโอกาสที่จะเติบโตได้ ในอนาคต ซึ่งพิจารณาจากการที่สินค้า ที่ถูกพัฒนาจากบริษัทนี้ หรือการบริหารงานของผู้บริหาร เป็นไปในทางที่น่าสนใจ
จากการคาดการณ์ คาดว่าคีธจะเลือกลงทุน กับคนเก่งมากกว่า เพราะคนเก่งนั้น จะมีแนวคิด หรือวิสัยทัศน์ที่มีความเข้ากับคนอื่นได้ง่าย และมีความยืดหยุ่น ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หรือวิธีการให้เข้ากับสถานการณ์ได้อยู่ตลอดเวลา และมีการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดนั่นเอง