
ข้อคิดลงทุน Peter Thiel นักลงทุน ผู้ชื่นชอบการผูกขาด
- LittleHydrangea
- 12 views
ข้อคิดลงทุน Peter Thiel เป็นนักลงทุนที่เน้นการลงทุน ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์แก่ผู้บริโภค และเน้นลงทุน ในบริษัทมีคู่แข่งน้อย ทำให้บริษัทของนั้น ๆ สามารถดำเนินการ ผูกขาดนวัตกรรม หรือสินค้าชิ้นนั้น ๆ ในตลาด ได้แต่เพียงผู้เดียว
Peter Andreas Thiel หรือ Peter Thiel นักลงทุน และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง PayPal, Palantir, Technologies และ Founders Fund นอกจากนี้ยังเป็นนักลงทุน คนแรกของ Facebook อีกด้วย เขาเป็นหนึ่งในมาเฟีย PayPal เรียกได้ว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพล ต่อวงการอินเทอร์เน็ต เพราะเขาก่อตั้งบริษัท Confinity Inc.
หรือ PayPal นั่นเอง นอกจากนี้เขายังลงทุน ในบริษัทสตาร์ตอัปชื่อดังอีกหลายแห่ง เช่น Airbnb, Linkedin, SpaceX และ Spotify เป็นต้น จนเขานั้นได้รับการประเมิน ว่าเป็นบุคคล ที่รวยที่สุด เป็นอันดับที่ 391 ของโลก โดยมีทรัพย์สินส่วนตัวประมาณ 78,000 ล้านบาทนั่นเอง
ที่มา: รู้จัก “ปีเตอร์ ธีล” นักลงทุนรายแรกของ Facebook [1]
ปีเตอร์ ธีล นักลงทุนในเทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ในปัจจุบันและอนาคต โดยปีเตอร์นั้น เขามีแนวคิดในการลงทุน ที่ว่าการลงทุนของเขา จะต้องลงทุนในนวัตกรรม ที่สร้างขึ้นมาใหม่ และมีเพียงชิ้นเดียวในโลก หรือในตลาดเท่านั้น
เพราะเขามีแนวคิดที่ว่าการแข่งขันนั้น มีไว้สำหรับผู้แพ้ ถ้าอยากจะชนะ คุณจะต้องเป็นผู้สร้างบริษัท ที่ผูกขาดตลาดนั้น ๆ แต่เพียงผู้เดียวให้ได้ และข้อคิดที่คุณนั้น จะต้องไม่ทำตาม หรือลอกเลียนแบบการลงทุน ของคนอื่น เช่น ถ้าอยากเป็น Bill Gates คนต่อไป คุณจะต้องไม่สร้าง Microsoft
หรือถ้าอยากเป็นอย่าง Mark Zuckerberg คุณก็จะต้องไม่สร้างแพลตฟอร์ม ที่เหมือนกับ Facebook อันที่ 2 เพราะถ้าหากคุณยังทำธุรกิจ หรือลงทุนแบบเดิม นั่นก็แสดงว่าคุณ ไม่ได้เรียนรู้วิธีคิด และการทำงานของพวกเขาเลย
ที่มา: 100 ข้อคิด จาก Peter Thiel [2]
เพราะการลงทุนกับตลาด หรือการลงทุน ในธุรกิจที่ผูกขาดนั้น ปีเตอร์มองว่าการทำธุรกิจแบบผูกขาด จะสามารถช่วยทำให้ได้รับผลตอบแทนที่ยั่งยืน และสร้างความมั่นคง ให้กับรากฐานของบริษัท และทีมงาน หรือผู้บริหารที่เขาเลือกลงทุน
อีกทั้งการลงทุนกับการสร้างนวัตกรรม ยังเป็นการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นในตลาด ซึ่งจะมีผู้แข่งขันน้อยราย หรือไม่มีผู้อื่นทำการแข่งขันด้วย ซึ่งจะส่งผลทำให้ความมั่นคง ในการได้รับผลตอบแทนนั้น
มีโอกาสสูงมากกว่า การลงไปแข่งขันในตลาด กับคนอื่น ๆ อีกทั้งยังมีเรื่องของการปรับตัว ให้เข้ากับตลาด ซึ่งในปัจจุบันนั้น ตลาดส่วนใหญ่ มักจะเป็นในเรื่องของเทคโนโลยี หรือ AI เป็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับบริษัทที่ปีเตอร์ กำลังลงทุนอยู่นั่นเอง
ปีเตอร์ได้รับข้อคิดจากการลงทุนกับ Facebook คือ การยืนหยัดต่อสู้กับกระแสของตลาด ที่มีความผันผวน และการต่อต้านทางธุรกิจอยู่เสมอ ทำให้การลงทุนของเขากับ Facebook ในช่วงแรก เขานั้นจะต้องลงทุน โดยที่มีความเชื่อมั่นเป็นหลัก และมีความเชื่อใจในวิสัยทัศน์ของผู้บริหารอีกด้วย
ซึ่งในตอนนั้น Mark Zuckerberg สามารถทำให้เขามองว่า การที่มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ในการทำธุรกิจ หรือมีวิสัยทัศน์ในการลงทุนนั้น เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก เหมือน ข้อคิดลงทุน Neil Mehta เพราะหากผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่ดี จะทำให้กลยุทธ์ของบริษัทนั้น ๆ มีการปรับเปลี่ยน มีความยืดหยุ่น
และเข้ากับตลาดได้ดี ทำให้ในช่วงแรกตัวเขา จึงได้ข้อคิดจากการที่การมองอนาคต ว่าบริษัทของ Mark อย่าง Facebook นั้นมีโอกาสที่จะเติบโตได้ ในอนาคตหรือไม่ และเมื่อเขามองเห็นถึงความยืดหยุ่นของธุรกิจ เขาจึงได้เลือกลงทุนกับ Facebook นั่นเอง
ที่มา: Peter Thiel นักลงทุนรายแรก สมัย Facebook ตั้งไข่ [3]
ในแนวคิด Zero To Zero ของปีเตอร์ ได้ให้แนวคิดนี้ แก่ผู้ลงทุนรายอื่นว่า แทนที่เราจะเลือกลงทุน กับสิ่งที่มีคนสร้างไว้อยู่แล้ว หรือมีคนทำไปก่อนหน้านี้แล้ว การที่เราเลือกลงทุนสร้าง ในสิ่งที่คนไม่เคยทำมาก่อนนั้นดีกว่า ซึ่งการเป็นผู้ลงทุนในสิ่งที่ใหม่ และมีความน่าสนใจกับตลาด จะทำให้ในช่วงแรก
อาจจะได้รับความนิยมที่ไม่ค่อยมาก แต่ถ้าหากทำแล้วตอบโจทย์ ให้แก่ผู้บริโภคในอนาคต หรือในภายภาคหน้า การเริ่มต้นจากศูนย์ถึงหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ในการลงทุนเป็นอย่างมากเช่นกัน ซึ่งอย่างตัวเขาเอง ก็ได้เลือกลงทุนกับนวัตกรรม และสิ่งใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเช่นกัน
ปีเตอร์มีการจัดการความเสี่ยง กับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เติบโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ มักจะมีความเหมือนกัน หรือมีความคล้ายกัน ในบางฟังก์ชัน หรือหน้าตาของเทคโนโลยีตัวนั้น ๆ โดยปีเตอร์ให้แนวคิดว่า ให้มองว่าถือเทคโนโลยีนั้น ๆ ว่าเป็นโอกาสในการลงทุน
เพราะอย่างตัวของปีเตอร์เอง ก็มักเลือกที่จะลงทุนกับเทคโนโลยี หรือนวัตกรรม ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และไม่มีใครทำในตลาด อีกทั้งเขายังมองหาบริษัท หรือสตาร์ตอัปเล็ก ๆ ที่กำลังเริ่มต้นที่จะทำนวัตกรรม หรือธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ซึ่งตัวเขานั้น ก็จะเลือกสนับสนุน ให้กับบริษัท
ที่มีแนวคิดที่น่าสนใจก่อน เพราะการลงทุนกับบริษัทเล็ก ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ จะอยู่ในพื้นฐานของความเข้าใจ หรือปัจจัยพื้นฐานที่ดี ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้บริษัทนั้น ๆ สามารถมีความมั่นคง ในเรื่องของความนิยม และเมื่อประสบความสำเร็จ ก็จะมีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอนั่นเอง
สรุป ข้อคิดในการลงทุนแบบปีเตอร์ เขาเป็นนักลงทุนที่มองหาธุรกิจ หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่เสมอ และเลือกลงทุนกับบริษัทที่กำลังเริ่มต้น ซึ่งเขามองว่าการลงทุน กับบริษัทที่กำลังเริ่มต้น นวัตกรรมใหม่ ๆ จะช่วยให้เขาได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และสามารถผูกขาดตลาดได้เพียงผู้เดียว
ปีเตอร์ได้ให้ข้อแตกต่างระหว่างผู้ลงทุนที่ดี กับผู้ประกอบการที่ดี ว่าผู้ลงทุนที่ดีนั้น จะมีวิธีการในการสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ โดยวิธีการใช้เงินในการจ่ายสิ่งต่าง ๆ เพื่อที่จะได้รับนั้นมา แต่ผู้ประกอบการที่ดี จะต้องมีการลงไปช่วยตัดสินใจ และลงมือทำมากกว่าการใช้เงินเพียงอย่างเดียว
ในความคิดของปีเตอร์ ปีเตอร์บอกว่าผู้ลงทุน ควรให้ความสำคัญกับทีม Start up เป็นอย่างมาก เพราะอยู่ในช่วงขั้นตอนของการทดลอง และการเริ่มต้นในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ทำให้การให้ความสำคัญ กับทีม start up เป็นอันดับแรก จะสามารถสรรค์สร้างนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ออกมาได้ดี