ประวัติ ดอกไลแลค จากตำนานสู่ความจริง

ประวัติ ดอกไลแลค

ประวัติ ดอกไลแลค ในสวนแห่งความทรงจำ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวาน ของฤดูใบไม้ผลิ มีดอกไม้ชนิดหนึ่ง ที่เบ่งบานอย่างสง่างาม ดอกไม้ที่เปรียบเสมือน บทกวีแห่งความรัก ความบริสุทธิ์

ต้นกำเนิดไลแลค

ดอกไลแลคมีถิ่นกำเนิด ในภูมิภาคบอลข่าน (แถบยุโรปตะวันออกเฉียงใต้) เอเชียตะวันตก เช่น ตุรกีและซีเรีย เชื่อกันว่าชาวออตโตมัน นำไลแลคจากภูมิภาคนี้ ไปยังยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยนักพฤกษศาสตร์ชาวยุโรป นำเมล็ดไปปลูกในฝรั่งเศส อังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ [1]

ในศตวรรษที่ 17 – 18 ไลแลคกลายเป็นที่นิยม อย่างมากในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศส อังกฤษ ขุนนางและกษัตริย์ มักปลูกไลแลคในสวน เพื่อเพิ่มความหรูหรา และกลิ่นหอมให้กับพระราชวัง ต่อมา ไลแลคถูกนำไปยังอเมริกาเหนือ โดยผู้อพยพจากยุโรป และกลายเป็นดอกไม้ ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐฯ และแคนาดา สามารถคลิกอ่านต่อได้ที่ extension

ลักษณะที่บ่งชี้

  • ชื่อวิทยาศาสตร์ : Syringa vulgaris [2]
  • ต้น : ไม้พุ่มสูง 2 – 6 เมตร บางสายพันธุ์อาจสูงได้ถึง 8 – 10 เมตร มีหลายกิ่งก้าน แตกพุ่มกว้าง ทำให้เหมาะสำหรับ ปลูกเป็นแนวรั้ว หรือไม้ประดับสวน
  • ดอก : มีขนาดเล็ก ออกดอกเป็นช่อใหญ่ แต่ละดอกมีรูปทรง คล้ายกรวย 4 กลีบ ช่อดอกเป็นพวงแน่น ยาวประมาณ 10 – 20 ซม. ทำให้ดูโดดเด่น ในช่วงที่บานเต็มที่
  • สีของดอก : มีหลายเฉดสี เช่น ม่วงอ่อน ม่วงเข้ม ชมพู ขาว และฟ้า
  • ใบ : ใบไลแลคมี รูปหัวใจ หรือรูปไข่ ปลายแหลม ขอบเรียบ ใบมีสีเขียวเข้ม ติดอยู่บนกิ่งแบบเรียงสลับ ขนาดใบเฉลี่ยประมาณ 5 – 12 ซม.
  • กลิ่น : มีความนุ่มนวล หอมหวาน คล้ายกับกลิ่นน้ำตาลอ่อนๆ ผสมกับความสดชื่น

บทบาทในวัฒนธรรม

  • กรีกโบราณ : มีตำนานเกี่ยวกับนางไม้ชื่อ Syringa ซึ่งถูกเทพแพนหลงรัก และแปลงร่างเป็นต้นไลแลค เพื่อหลบหนี
  • ยุโรปยุควิกตอเรียน : ไลแลคเป็นดอกไม้ ที่หญิงสาวมักจะได้รับ หลังจากสูญเสียความรักครั้งแรก เป็นสัญลักษณ์ของความคิดถึง ความอาลัย
  • สหรัฐฯ : มี “Lilac Festival” ในเมือง Rochester รัฐนิวยอร์ก ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลอง ดอกไลแลคที่มีชื่อเสียง
  • ศิลปะและวรรณกรรม : ดอกไลแลคยังปรากฏ ในงานศิลปะ วรรณกรรม หลายเรื่อง เป็นสัญลักษณ์ ของความสวยงาม และอารมณ์ที่ละเอียดอ่อน ในชีวิตมนุษย์ 

     

ความหมายของดอกไลแลค

ประวัติ ดอกไลแลค

หนึ่งในความหมายที่โดดเด่น ที่สุดของดอกไลแลคคือ “ความรักแรก” โดยเฉพาะไลแลคสีม่วง ซึ่งเป็นสีที่พบได้บ่อยที่สุด ดอกไม้ชนิดนี้มักถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ ของความรู้สึกที่อ่อนหวาน บริสุทธิ์ และเปี่ยมด้วยเสน่ห์ของรักแรกพบ กลิ่นหอมของมันมักทำให้ผู้คนหวนคิดถึงช่วงเวลาที่งดงามในอดีต จึงทำให้ไลแลคยังเป็นตัวแทนของ ความทรงจำและความคิดถึง

นอกจากนั้น ดอกไลแลคยังเกี่ยวข้องกับ การเริ่มต้นใหม่ เพราะเป็นดอกไม้ที่บาน ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่าน จากฤดูหนาวสู่ฤดูแห่งความสดใส ทำให้มันเป็นตัวแทน ของความหวัง และการก้าวไปข้างหน้า ในบางวัฒนธรรม ไลแลคถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ ของการเติบโตทางจิตวิญญาณ การค้นพบตัวเอง

ที่มา: The Allure of Lilac Flowers [3]

ไลแลคแต่ละสี มีความหมายว่าอะไร ?

แม้ว่าดอกไลแลค โดยรวมจะสื่อถึงความรัก ความทรงจำ แต่แต่ละสีของมัน ก็มีความหมายที่แตกต่างกันไป

  • ไลแลคสีม่วง : สัญลักษณ์ของรักแรก ความโรแมนติก เสน่ห์ที่ยากจะลืม
  • ไลแลคสีขาว : สื่อถึงความบริสุทธิ์ ความไร้เดียงสา จิตวิญญาณที่สูงส่ง
  • ไลแลคสีชมพู : แทนความรักที่อ่อนโยน ความสุขในความสัมพันธ์
  • ไลแลคสีฟ้า : หมายถึงความสงบ สติปัญญา ความฝัน

ไลแลคมีความเชื่อใดบ้าง ?

  • รัสเซีย : มีความเชื่อว่า หากนำกิ่งไลแลค ไปแตะที่ทารกแรกเกิด จะช่วยนำโชค และทำให้เด็กเติบโตมาอย่างแข็งแรง
  • ยุโรป : ดอกไลแลคถูกใช้ เป็นเครื่องราง ป้องกันพลังงานลบ สิ่งชั่วร้าย เชื่อกันว่ากลิ่นหอมของมันสามารถขับไล่วิญญาณร้ายได้
  • วิกตอเรียน : ถูกมอบให้กับคนรักเก่า หรือใช้ในงานศพ เพื่อเป็นการระลึกถึง ช่วงเวลาที่ดีในอดีต และเป็นการปิดบังความรู้สึก ที่ยังคงหลงเหลือ จากความสัมพันธ์ดีๆ
  • หมอผีและนักพยากรณ์ : ในอดีตนิยมใช้ไลแลค เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม เพื่อกระตุ้น สัมผัสที่หก และความสามารถ ในการทำนายอนาคต
  • บางคนปลูกต้นไลแลคไว้หน้าบ้าน : เพื่อเป็นเกราะป้องกันโชคร้าย และช่วยให้บ้านเต็มไปด้วยพลังงานดีๆ ไม่มีพลังงานด้านลบ เข้ามาแทรก (ตามความเชื่อ)

สรุป ประวัติ ดอกไลแลค

สรุป ประวัติดอกไลแลค ดอกไม้ที่สวยงาม มีกลิ่นหอม แฝงไปด้วยความหมาย ที่สะท้อนถึงความรัก ความโชคดี และการเปลี่ยนแปลงในชีวิต

ดอกไลแลคบาน ในเดือนไหน ?

มักบานในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน – มิถุนายน) โดยช่วงเวลาที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และสายพันธุ์ เช่น ในยุโรป อเมริกาเหนือ มักบานเต็มที่ใน เดือนพฤษภาคม

ในไทยดอกไลแลค หายากไหม ?

ค่อนข้างที่จะหายากในไทย เนื่องจากเป็นพืชเมืองหนาว ที่ต้องการอากาศเย็นจัด เพื่อออกดอก จึงไม่ค่อยเติบโต ในสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง