ปิงปอง ประวัติ กีฬาที่ช่วยพัฒนาทักษะหลากหลายด้าน
- หัวใจสีเขียว
- 9 views
ปิงปอง ประวัติ และทักษะที่จะได้รับจากการเล่น ปิงปอง หรือเรียกอีกชื่อว่า เทเบิลเทนนิส เป็นกีฬาที่มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศอังกฤษ เล่นครั้งแรกในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วโลก และกลายเป็นกีฬายอดนิยม ปิงปองเป็นกีฬาที่ช่วยพัฒนาทักษะหลายด้าน เช่น สมาธิ ความเร็วในการตัดสินใจ การประสานมือ กับสายตา และความคล่องตัว เป็นต้น
ปิงปองสามารถเล่นได้ทั้ง แบบคู่ และแบบเดียว ตั้งแต่ 2 – 4 คน ซึ่งปิงปองเป็นกีฬาที่มีชื่อเรียก ที่หลากหลาย เช่น ประเทศจีนจะเรียกว่า พังพัง ฉิว ประเทศญี่ปุ่นจะเรียกว่า ทักคิว และประเทศเกาหลีจะเรียกว่า ทักกุ วิธีการเล่นคือ นักกีฬาจะต้องยืนอยู่คนละฝั่งของโต๊ะปิงปอง
และทำการตีลูกโต้กันไปมา ข้ามตาข่ายที่กั้นอยู่กลางโต๊ะ ลูกปิงปองสามารถกระทบลง ที่ฝั่งพื้นโต๊ะของตัวเอง ได้เพียงแค่ 1 ครั้ง และผู้เล่นจะต้องตีให้ลูก กระทบของพื้นโต๊ะของฝ่ายข้ามเช่นเดียวกัน หากไม่กระทบ จะถือว่าเป็นลูกเสีย (14 มกราคม 2025) [1]
ในปี ค.ศ. 1950 กีฬาปิงปอง เป็นที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งวิธีการเล่นจะเน้นที่ การตบลูกอย่างแม่นยำ และมีความหนักหน่วง อีกทั้งทางประเทศญี่ปุ่น ยังได้มีการพัฒนาไม้ปิงปองรูปแบบใหม่ ที่ทำมาจากยาง ส่วนตัวลูกจะสอดไส้ด้วยฟองน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่น
จนเวลาต่อทางประเทศจีน ก็ได้มีการพัฒนาเทคนิคการเล่นปิงปอง ที่เน้นการโจมตีแบบรวดเร็ว และการป้องกัน ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้ประเทศจีน สามารถเอาชนะประเทศญี่ปุ่นได้ และทำให้กลายเป็นประเทศชั้นนำ ที่ขึ้นชื่อเรื่องของกีฬาปิงปอง หรือเทเบิลเทนนิส (19 กันยายน 2024) [2]
กีฬาปิงปอง ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น เทเบิลเทนนิส ในปี ค.ศ. 1922 เนื่องจากบริษัทการค้าด้านอุปกรณ์กีฬา ได้มีการจดทะเบียนการค้าคำว่า ปิงปอง ไปแล้ว จึงทำให้ถูกเปลี่ยนมาเรียกว่าเทเบิลเทนนิสแทน และก็กลายเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย จนได้มีการก่อตั้งสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาขึ้น รวมถึงจัดการแข่งขันกีฬาเทเบิลเทนนิส ขึ้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ ในปีเดียวกัน (31 พฤษภาคม 2023) [3]
สำหรับการเล่น เทเบิลเทนนิส กติกาขั้นพื้นฐาน ต้องเริ่มจากการเสิร์ฟ โดยผู้เล่นต้องตีลูกให้กระทบฝั่งตนเอง ก่อนข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม ในหนึ่งเกมจะมีทั้งหมด 11 คะแนน ใครทำคะแนนถึงก่อน และนำอย่างน้อย 2 แต้ม จะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น หากเสมอ 10 – 10 จะต้องสลับกันเสิร์ฟทุกแต้ม
ผู้เล่นจะได้สลับฝั่งกัน ต่อเมื่อจบเกม หรือเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ 5 แต้ม ในเกมตัดสิน ลูกที่โดนขอบโต๊ะถือว่าเล่นได้ ส่วนลูกที่ไม่โดนโต๊ะ หรือออกนอกขอบถือว่าเสียแต้ม การแข่งขันมีทั้งแบบเดี่ยว และคู่ โดยแบบคู่ต้องตีลูก สลับกันคนละไม้ ในแต่ละรอบ
การเล่นกีฬาปิงปอง หรือเทเบิลเทนนิส ส่งผลดีต่อร่างกายหลากหลายด้าน เช่น ช่วยเพิ่มความคล่องแคล่ว เสริมสร้างความแข็งแรง ให้กับกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณไหล่ แขน และข้อมือ เช่นเดียวกับการเล่นกีฬา เทนนิส กฎกติกา อีกทั้งยังช่วยพัฒนาความรวดเร็วในการเคลื่อนไหว
และเสริมสร้างสมรรถภาพของหัวใจ รวมถึงระบบไหลเวียนเลือด เนื่องจากเป็นกีฬาที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา ที่สำคัญยังช่วยพัฒนาการประสานงานระหว่างมือกับตา และเพิ่มความแม่นยำ ในการควบคุมทิศทาง นอกจากนี้ยังช่วยเผาผลาญพลังงาน ส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนัก และเป็นกิจกรรม ที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้เป็นอย่างดีด้วย
สรุปแล้ว ปิงปอง เป็นกีฬาที่ต้องเล่นบนโต๊ะ โดยมีวิธีการเล่นคือ ใช้ไม้ตีลูกปิงปอง ให้ข้ามตาข่ายไปยังฝั่งตรงข้าม สามารถเล่นได้ทั้งแบบเดี่ยว และคู่ เน้นใช้ทักษะความไว สมาธิ และการประสานงานระหว่างมือกับตา เป็นกีฬาที่เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ที่สำคัญใช้พื้นที่ รวมถึงอุปกรณ์ในการเล่นน้อย
หากเป็นผู้เล่นมือใหม่ ควรเริ่มจากการฝึกจับไม้ให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการควบคุมลูก ต่อมาคือ ฝึกการเสิร์ฟ และรับ – ส่งลูก เพื่อให้เข้าใจกติกา และจังหวะของเกม รวมถึงควรฝึกการเคลื่อนไหวเท้า เพื่อให้พร้อมรับลูกจากทิศทางต่างๆ และที่สำคัญคือ การฝึกควบคุมทิศทาง และแรงในการตี เพื่อความแม่นยำ
ปิงปองเป็นกีฬา ที่ใช้แรงในการเล่นไม่เยอะ แต่จะเน้นที่ความเร็ว ความแม่นยำ และจังหวะในการตีมากกว่า ผู้เล่นต้องมีความว่องไว ในการเคลื่อนไหว และตอบสนองต่อลูกที่มาเร็วได้ รวมถึงควบคุมแรงในการตีลูกได้อย่างเหมาะสม ปิงปองเป็นกีฬาที่เน้น การใช้ทักษะ มากกว่าการใช้แรง จึงเหมาะกับผู้เล่นทุกเพศ ทุกวัย ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ จนถึงผู้สูงอายุ
