มวยสากล กติกา พื้นฐานที่ใช้ในการแข่งขัน

มวยสากล กติกา

มวยสากล กติกา พื้นฐานที่ใช้ในการแข่งขัน คือ ต้องต่อสู้ด้วยหมัด 2 ข้าง หรือต่อสู้ด้วยมือเปล่า โดยผลแพ้ – ชนะ จะตัดสินจากการน็อกเอาท์ หรือคะแนน จากกรรมการ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นยกๆ และผู้เข้าแข่งขัน ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกัน ก่อนเริ่มการแข่งขัน เช่น ถุงมือ และผ้ารัดหน้า การโจมตีต้องอยู่ในบริเวณ ที่กฎกติกากำหนด และห้ามใช้ส่วนอื่น ของร่างกายในการโจมตี

  • ประวัติที่มา ของมวยสากล
  • มวยสากล ในประเทศไทย
  • ประเภทของการแข่งขัน กีฬามวยสากล

ประวัติที่มา ของกีฬามวยสากล

มวยสากลเป็นหนึ่งใน ศิลปะการต่อสู้ ที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นการต่อแบบมือเปล่า ที่เหล่าทหารมักจะใช้ใน สนามรบ แต่ในเวลาต่อมาช่วงปี พ.ศ. 2236 ก็ได้มีการกำหนดกฎกติกา ในการชกขึ้น โดยเจมส์ ฟิกก์ ผู้ที่ชนะเลิศ การต่อสู้ด้วยมือเปล่า จนเขาได้รับฉายาว่า บิดาแห่งมวยสากล 

และต่อมาในปี พ.ศ. 2462 จอห์น แอล ซัลลิแวน ผู้ชนะเลิศการชิงแชมป์ มวยสากล ก็ได้มีการประกาศอย่างชัดเจนว่า จะไม่ขึ้นชกมวยด้วยมือเปล่าอีกต่อไป เลยทำให้เป็นจุดเริ่มต้น ของการสวมนวม จนกลายมาเป็นกฎกติกาพื้นฐาน ของมวยสากล จนถึงปัจจุบัน (15 มิถุนายน 2025) [1]

กีฬามวยสากล ในประเทศไทย

มวยสากล หรือที่คนไทยเรียกว่า มวยฝรั่ง เป็นกีฬาที่เริ่มแพร่หลายเข้ามายัง ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2455 ซึ่งผู้ที่นำเข้ามาเผยแพร่ ได้แก่ หม่อมเจ้าวิบูลย์สวัสดิวงศ์ สวัสดิกุล จุดเริ่มคือที่ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนที่จะแพร่ออกไปยังโรงเรียนอื่นๆ อีกทั้งยังมีการจัดแข่งขัน มวยสากลสมัครเล่นอีกด้วย (2025) [2]

ประเภทของการแข่งขัน กีฬามวยสากล

การแข่งขันมวยสากล แบ่งเป็นสองประเภทหลัก คือ มวยสมัครเล่น และมวยอาชีพ มวยสมัครเล่นมักแข่งขันในโอลิมปิก หรือรายการชิงแชมป์โลก มีจำนวนยกน้อยกว่า และผู้ชกต้องสวมนวม หมวกกันน็อก เพื่อความปลอดภัย ส่วนมวยอาชีพจะแข่งขัน เพื่อเงินรางวัล ไม่มีหมวกกันน็อก

และมีจำนวนยกที่มากกว่า การแข่งขันทั้งสองประเภท จะใช้กติกาพื้นฐานเดียวกัน เช่น ชกด้วยหมัดเท่านั้น การโจมตีต้องอยู่ในพื้นที่ ที่กำหนด คะแนนจะตัดสินจาก ความแม่นยำของหมัด ความแข็งแรง และเทคนิคการชก รวมถึงการน็อกเอาท์ด้วย

กีฬามวยสากล ในโอลิมปิก

มวยสากล กติกา

มวยสากลเป็นหนึ่งในกีฬา ที่ถูกบรรจุเข้ามาในโอลิมปิก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 โดยเริ่มจากการแข่งขันแค่ นักมวยสมัครเล่น นักมวยที่เข้าร่วมการแข่งขัน จะถูกแบ่งตามรุ่นน้ำหนัก เพื่อความเท่าเทียม กติกาคือการชกด้วยหมัดเท่านั้น ห้ามใช้ส่วนอื่นของร่างกาย คะแนนจะให้ตาม ความแม่นยำ และเทคนิคการชก

จุดเด่นสำคัญ ของการแข่งขันมวยสากล

การแข่งขันมวยสากล จะสามารถใช้ได้แค่หมัด 2 ข้าง ในการโจมตีคู่ต่อสู้ โดยห้ามใช้อวัยวะส่วนอื่นๆ และสามารถป้องกันตัวเองได้ โดยการบล็อก หรือหลบหลีก ในการแข่งขันจะถูกแบบออกเป็นยก ยกละ 3 นาที ซึ่งในระหว่างยก จะมีเวลาให้พัก 1 นาที การตัดสินผลแพ้ – ชนะ จะพิจารณาจากความแม่นยำ ในการชก จำนวนหมัดที่เข้าเป้า และการน็อกเอาท์ เป็นต้น (11 สิงหาคม 2024) [3]

การชกมวยสากล ต้องมีทักษะสำคัญอะไรบ้าง?

  • ความเร็ว และความแม่นยำ ของหมัด เพื่อโจมตีคู่ต่อสู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับกีฬา มวยไทย ประวัติ
  • การป้องกัน และการหลบหลีก เช่น การบล็อก การหลบ การถอย หรือการโค้งตัว เพื่อหลบหมัด
  • ความแข็งแรง และความทนทาน ของร่างกาย มวยสากลเป็นกีฬาที่ต้องมีการชก และปะทะอย่างต่อเนื่อง
  • ความคล่องตัว และการเคลื่อนไหวเท้า ต้องมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการโจมตี ได้ไวตามสถานการณ์ภายในสนาม
  • สมาธิ และจิตใจ ที่มั่นคง ควบคุมอารมณ์ได้ดี มีการตัดสินใจที่รวดเร็ว และไม่ตกเป็นเป้าของคู่ต่อสู้
  • เทคนิคการชก ที่หลากหลาย เช่น การจับจังหวะ หรือจัดมุมชก เป็นต้น

บทส่งท้าย มวยสากล กติกา

สรุปมวยสากล เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่ใช้หมัดเป็นอาวุธหลัก ในการโจมตี โดยมีการแข่งขันทั้งแบบ มวยสมัครเล่น และมวยอาชีพ ผู้ชกต้องสวมนวม และอุปกรณ์ป้องกัน การตัดสินจะใช้คะแนน จากกรรมการ หรือน็อกเอาท์ การแข่งขันจะถูกแบ่ง ตามรุ่นน้ำหนัก เพื่อความเท่าเทียม มวยสากลเป็นกีฬาที่เน้นการใช้ทักษะ เทคนิค และสมาธิ ของนักกีฬา

มวยสากลเป็นกีฬา ที่จำกัดเพศผู้เล่นหรือไม่?

มวยสากลเป็นกีฬา ที่ไม่จำกัดเพศผู้เล่น ปัจจุบันมีการแข่งขันทั้งชาย และหญิง ทั้งในระดับสมัครเล่น และอาชีพ รวมถึงในโอลิมปิกด้วย นักมวยหญิงได้รับการยอมรับ และมีรายการแข่งขันเฉพาะ เช่นเดียวกับนักมวยชาย ซึ่งในการแข่งขันยังคงใช้กติกาเดียวกัน เช่น การชกด้วยหมัด การแบ่งรุ่นน้ำหนัก และการตัดสินคะแนน

จุดสำคัญที่ควรระวังในการชกมวยสากล คืออะไร?

จุดสำคัญที่ควรระวัง ในการชกมวยสากล คือ ความปลอดภัย ของร่างกาย และศีรษะ เพราะฉะนั้นผู้ชกควรสวมอุปกรณ์ป้องกันเสมอ รวมถึงการควบคุมแรงชก และการหลบหลีกหมัด ของคู่ต่อสู้ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นเดียวกัน ควรแข่งขันอยู่ภายใต้กฎกติกา จะได้ช่วยลดความเสี่ยง จากการเกิดอุบัติเหตุได้

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง