
รู้จักกับการ ยกน้ำหนัก กีฬาโอลิมปิก ที่เน้นการใช้พละกำลัง
- หัวใจสีเขียว
- 16 views
ยกน้ำหนัก กีฬาโอลิมปิก ที่ต้องใช้พละกำลังในการเล่นสูง การยกน้ำหนัก เป็นกีฬาที่มีการจัดการแข่งขัน ในโอลิมปิกเป็นครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1896 ที่กรุงเอเธนส์ ซึ่งในตอนนั้นยังไม่มีการแบ่งรุ่น ตามน้ำหนัก มีกฎกติกาเพียงแค่ว่า ใครที่สามารถยกน้ำหนักได้มากที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะ
ยกน้ำหนักเป็นกีฬาประเภทเดี่ยว ที่มีวิธีการเล่น หรือแข่งขัน คือ ต้องยกก้อนน้ำหนัก ที่ถ่วงไว้อยู่ตรงปลายของท่อนเหล็กทั้ง 2 ข้าง หากใครที่สามารถยกน้ำหนักได้มากสุด จะเป็นผู้ชนะ ซึ่งการยกน้ำหนักโดยทั่วไป จะมีอยู่ท่าในการยก อยู่ทั้งหมด 3 ท่าหลัก
ได้แก่ ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ท่าสแนทซ์ และ ท่าผสม การยกน้ำเป็นอีกหนึ่งกีฬา ที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มความแข็งแกร่ง ให้กับกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยฝึกความอดทนได้เป็นอย่างดีด้วย (12 พฤศจิกายน 2024) [1]
ยกน้ำหนัก เป็นกีฬาที่มีไม่มีการแบ่งรุ่นน้ำหนัก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1896 ถึงปี ค.ศ. 1920 จนเวลาต่อในปี ค.ศ. 1932 ได้มีข้อกำหนด ในการแบ่งรุ่นน้ำหนักขึ้น และใน ค.ศ. 2000 ก็ได้มีการจัดการแข่งขันยกน้ำหนัก ประเภทหญิง ที่ซิดนีย์เป็นครั้งแรก และมีการจัดต่อเนื่องมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน (17 พฤษภาคม 2024) [2]
การแข่งขันยกน้ำหนัก ในกีฬาโอลิมปิก จะมีรูปแบบในการยกเพียง 2 ท่า คือท่าสแนตซ์ และท่าคลีนแอนด์เจิร์ก ซึ่งต้องทำการยกท่าละ 3 ครั้ง ท่าสแนตซ์จะเป็นการยกบาร์เบล ขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะ ซึ่งใช้จังหวะในการยกเพียง 1 ครั้ง ส่วนท่าคลีนแอนด์เจิร์ก จะเป็นการยกบาร์เบล 2 จังหวะ คือ ยกขึ้นมาไว้ที่หน้าอก และหยุด เพื่อกางขาและยืดแขน จากนั้นค่อยยกขึ้นเหนือศีรษะ (16 กรกฎาคม 2024) [3]
การยกน้ำหนัก เป็นกีฬาประเภทเดี่ยว ที่เน้นการใช้พละกำลัง เป้าหมายในการแข่งขัน คือ ต้องยกบาร์เบลที่มีน้ำหนักมาก ให้ได้นานที่สุด การแข่งขันของกีฬาชนิดนี้ จะแบ่งตามน้ำหนักตัว และเพศ ของนักกีฬา จุดประสงค์ของหลักของ การยกน้ำหนัก คือ เพื่อวัดความแข็งแรง ของร่างกาย
และพัฒนาเทคนิคการยกบาร์เบล อย่างปลอดภัย และนอกจากจะช่วยส่งเสริมให้ร่างกาย มีความแข็งแกร่งแล้ว ยังช่วยฝึกวินัย และความอดทนอีกด้วย
การเล่นกีฬายกน้ำหนัก จะมีข้อจำกัดในด้านของร่างกาย เช่น ผู้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือมีโรคเกี่ยวกับกระดูก ข้อ หรือหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงการเล่น เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ อย่างเช่น กล้ามเนื้อฉีกขาด ปวดตัว หรือปวดหลังได้ แต่ถ้าหากต้องการเล่น ก็ควรมีอุปกรณ์การเล่นที่เหมาะสม และปลอดภัย
อีกทั้งยังต้องมีครูฝึกสอน หรือผู้เชี่ยวชาญ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด ห้ามใช้สารกระตุ้นร่างกาย ก่อนเริ่มเล่น หรือก่อนการแข่งขัน เพราะอาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
ทักษะสำคัญที่ควรมี ก่อนเริ่มการยกน้ำหนัก ได้แก่ ความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะแกนกลางลำตัว ขา และแขน ซึ่งเป็นพื้นฐานในการยกบาร์เบลอย่างมั่นคง นอกจากนี้ต้องมีทักษะ ด้านเทคนิค เช่น การทรงตัวที่ดี มีการใช้ท่าทางที่ถูกต้อง เช่นเดียวกับการเล่น สโนว์บอร์ด กีฬาหน้าหนาว
และต้องรู้จักควบคุมลมหายใจ ในระหว่างการยก ความยืดหยุ่นของร่างกายก็สำคัญ เพราะมีบทบาทในการป้องกัน การบาดเจ็บ อีกทั้งต้องมีสมาธิสูง และมีความแม่นยำ ในการเคลื่อนไหว หากยกผิดจังหวะ หรือวางท่าผิดเพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลต่อความปลอดภัยได้
ที่สำคัญผู้เล่นยังต้องมีทักษะ การวางแผน และการควบคุมแรงให้เหมาะสมด้วย ซึ่งโดยรวมแล้ว การยกน้ำหนัก ไม่ใช่เพียงแค่การใช้แรง หรือกำลัง แต่ยังต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างมีระบบ และต่อเนื่องด้วย
จากข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ว่า การยกน้ำหนัก เป็นกีฬาที่เน้นความแข็งแรง และการใช้เทคนิคการยก ซึ่งท่าที่ใช้ในการแข่งขันยกน้ำหนัก จะมีทั้งหมด 2 ท่าหลักๆ ได้แก่ ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก และท่าสแนทซ์ การยกน้ำหนักเป็นกีฬา ที่ใช้วัดความแข็งแรงของร่างกาย ความสมดุล และความแม่นยำ ซึ่งในปัจจุบันการแข่งขัน จะแบ่งตามน้ำหนักตัว และเพศ ของนักกีฬา
ยกน้ำหนักเป็นกีฬาที่เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการพัฒนาความแข็งแรง ให้กับร่างกาย ต้องการฝึกความอดทน และเสริมสร้างวินัย ในตนเอง ซึ่งกีฬาชนิดนี้สามารถเล่นได้ทั้ง ผู้ชาย และผู้หญิง แต่ต้องมีพื้นฐาน คือ สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อกระดูก ถ้าหากผู้เล่นอยู่ในวัยเด็ก หรือเป็นผู้สูงอายุ แนะนำให้ฝึกฝนภายใต้การดูแล ของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัย
หากต้องการเล่นกีฬา ยกน้ำหนัก สามารถเล่นได้ทั้งในฟิตเนส หรือในยิม ที่มีอุปกรณ์การเล่นที่ครบถ้วน และปลอดภัย เช่น มีบาร์เบลหลายขนาด มีแผ่นรองน้ำหนัก และมีพื้นที่รองรับแรงกระแทก แต่ถ้าหากต้องการฝึกฝน เพื่อการแข่งขัน แนะนำให้ไปฝึกที่ศูนย์กีฬาเฉพาะทาง จะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง