รีวิวเกม อะตอมฟอลล์ เกมเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์จริง
- Chono
- 19 views
รีวิวเกม อะตอมฟอลล์ เกมแอ็กชันเอาชีวิตรอด จากผลงานการสร้างโดยทีม Rebellion ที่ได้หยิบยกเรื่องราวจากเหตุการณ์จริง เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของอังกฤษ ที่ถูกนิวเคลียร์ถล่ม จนทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ซึ่งเนื้อหาบทความบทนี้ เราจะพาไปรู้จักเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้น และยกตัวอย่างคำวิจารณ์ ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจซื้อตัวเกมมาเล่นเอง
รีวิวเกม อะตอมฟอลล์ (Atomfall) ซึ่งนำเสนอการเล่น แนวแอ็กชันเอาชีวิตรอด ที่สร้างและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Rebellion Developments โดยตัวเกมได้อ้างอิงประวัติศาสตร์อังกฤษ ในช่วงปี 1960 ซึ่งถูกนิวเคลียร์ถล่ม ทำให้พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ กลายเป็นพื้นที่เขตกักกัน และเกมนี้เปิดให้เล่นทั้ง PS4-5, Windows, Xbox One และ Xbox Series X/S
ซึ่งเนื้อเรื่องของเกมนี้ คุณจะได้รับบทเป็นผู้รอดชีวิต ที่ถูกปลุกขึ้นมาโดยนักวิทยาศาสตร์ ที่อาศัยอยู่ในเขตกักกัน L8 ซึ่งตัวละครของผู้เล่นจะสูญเสียความทรงจำ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งผ่านมานานกว่า 5 ปี จึงเป็นจุดเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ที่กระตุ้นให้ตัวละครของผู้เล่น คิดค้นวิธีการออกไปจากเขตกักกันนี้ [1]
คุณจะได้รับคีย์การ์ด ที่สามารถเปิดประตูเขตกักกัน และจุดเริ่มต้นการออกสำรวจ ตัวเกมจะพาคุณไปพบตู้โทรศัพท์สีแดง ซึ่งมีเสียงลึกลับที่บอกว่า “โอเบอรอนต้องตาย” และในระหว่างที่คุณออกสำรวจพื้นที่ต่างๆ เพื่อหลบหนี พร้อมกับแก้ไขปริศนา คุณจะได้พบเจอตัวละครมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนไร้บ้าน กลุ่มคนนอกรีต และทหารที่มาพร้อมกับหุ่นยนต์ขนาดใหญ่
ในส่วนของระบบ Gameplay ซึ่งตัวเกมจะนำเสนอการเล่น ในมุมมองบุคคลที่หนึ่ง โดยตัวเกมจะมีฉากที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ Windscale ในปี 1957 เหตุการณ์หลังจากถูกนิวเคลียร์ถล่ม ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้เป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่ในแถบ Lake District และ Cumberland ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยกัมมันตภาพรังสี
โดยผู้เล่นสามารถเก็บรวบรวมทรัพยากร เศษวัสดุต่างๆ เพื่อนำไปสร้างเป็นอุปกรณ์ สร้างอาวุธ เพื่อใช้สำหรับจัดการศัตรู และสำหรับเกมนี้ กระสุนจะเป็นไอเทมที่หายากมากที่สุด ส่งผลให้ตัวเกมถูกจัดประเภทเกมแนวเอาชีวิตรอด และผู้เล่นสามารถรักษาสุขภาพของตัวละคร รักษาอัตราการเต้นของหัวใจ เพื่อให้ตัวละครมีชีวิตรอด
ถ้าหากตัวละครของผู้เล่น มีอัตราการเต้นของหัวใจแย่ลง จะทำให้ตัวละครของผู้เล่น มีความสามารถในการมองเห็นมืดลง และระบบการได้ยินเสียงจะมีความบกพร่อง ซึ่งผู้เล่นสามารถใช้วิธีการลอบสังหาร หรือซ่อนตัวเพื่อไม่ให้ศัตรูพบเจอ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเอาชีวิตรอด และสามารถดำเนินเนื้อเรื่องหลักต่อไปได้เช่นกัน [2]
นับตั้งแต่ที่ตัวเกมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 ก็มีผู้เล่นให้ความสนใจ และเข้ามาร่วมสัมผัสความสนุกของตัวเกมกว่า 6,095 คน ส่งผลให้ตัวเกมติดอันดับสินค้าขายดีบนแพลตฟอร์ม Steam และมีสตรีมเมอร์หลายท่าน ที่ทำการไลฟ์สตรีมเกมผ่านแพลตฟอร์ม Twitch พบว่ามีจำนวนผู้เข้าชมการเล่นเกมมากถึง 35,167 ผู้ชม
และหลังจากที่ตัวเกมปล่อยให้จับจอง ก็มีเว็บไซต์ต่างประเทศหลายๆ เว็บไซต์ ที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเกม และได้เข้ามาให้คะแนนรีวิวตัวเกม ได้แก่ Gamespew ให้คะแนนรีวิวตัวเกม 9/10, Shacknews ให้คะแนนรีวิวภาพรวมของตัวเกม 9/10, Game Rant ให้คะแนนรีวิวตัวเกมทั้งหมด 6/10 และเว็บไซต์ GamesRadar ให้คะแนนรีวิวตัวเกม 4.5/5 คะแนน
ข้อมูลจากทางผู้สร้างเกม กล่าวไว้ว่า เกมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเกมแอ็กชัน Fallout: New Vegas และได้ออกแบบให้เกมนี้มีใจความสำคัญหลักๆ ก็คือการเลือกหัวข้อ ที่มาจากการตัดสินใจของผู้เล่น แม้ว่าจะเป็นเกมแอ็กชันเอาชีวิตรอด แต่การออกแบบสภาพแวดล้อมของเกมนี้ จะเป็นพื้นที่โซนเล็กๆ แต่จะแบ่งเป็นหลายโซนติดกัน
หลังจากที่ผู้อ่าน ได้ดูรายละเอียดข้างต้น ที่ทางผู้เขียนได้นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ระบบเกมเพลย์ของตัวเกม และกระแสความนิยมหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับรายละเอียดเนื้อหาส่วนถัดไป เราจะพาไปดูตัวอย่างคำวิจารณ์ เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษา ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อตัวเกม พร้อมกับแนะนำสเปคสำหรับเล่นเกมบนเครื่องพีซี มีข้อมูลดังต่อไปนี้
และนี่ก็คือตัวอย่างคำวิจารณ์ของเหล่านักเล่นเกม ที่ทางผู้เขียนได้อ้างอิงข้อมูลมาจากเว็บไซต์ Metacritic ซึ่งจะแบ่งคำวิจารณ์ออกเป็น 3 หัวข้อ ได้แก่ คำวิจารณ์เชิงบวก 24 (53%), คำวิจารณ์แบบผสม 21 (47%) และบทวิจารณ์เชิงลบ 0 (0%) [3] หรือผู้อ่านท่านใด ต้องการดูบทความรีวิวเกมก่อนหน้านี้ สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ รีวิวเกม ทูมเรเดอร์
ผู้อ่านหรือผู้เล่นท่านใด ที่ชื่นชอบเกมแอ็กชันเอาชีวิตรอด ที่มีจุดเด่นก็คือการเลือกหัวข้อ ที่เป็นตัวกำหนดเส้นทางการเดินทางตัวละครของผู้เล่น คุณสามารถเลือกฉากจบของตัวเกมได้ด้วยตัวของคุณเอง ซึ่งใครที่ต้องการจับจองเป็นเจ้าของเกมนี้ สามารถคลิกเข้าไปซื้อตัวเกมได้ที่ Steam ในราคา 899 บาท
จากข้อมูลข้างต้น ที่ทางผู้เขียนได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับคะแนนรีวิว จากเว็บไซต์ต่างประเทศ สำหรับคะแนนรวมของตัวเกม ที่ผู้เล่นได้เลือกเล่นเกมผ่านอุปกรณ์ต่างๆ มีคะแนนรวมดังนี้ คะแนนจากการเล่นเกมผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ (PC) 72/100, คะแนนรวมจากเครื่องเล่น PlayStation 5 คิดเป็น 74/100 และคะแนนรวมจากเครื่องเล่น Xbox One และ Xbox Series 73/100 คะแนน
อ้างอิงข้อมูลจากเว็บไซต์ SteamDB พบว่าสถิติความนิยมของตัวเกมในปัจจุบัน มีผู้เล่นที่เข้าไปร่วมเล่นเกมเหลือเพียง 434 เท่านั้น (สถิติ 30 วันที่ผ่านมา) และสถิติจำนวนผู้เล่นต่อวัน เหลือผู้เล่นเพียงแค่ 85 และมีจำนวนผู้เล่นในช่วงเวลาพีคไทม์ 244 คนเท่านั้น
