
รีวิว ก็อดออฟวอร์ แร็กนาร็อก สงครามโค่นล้มทวยเทพ
- Chono
- 14 views
รีวิว ก็อดออฟวอร์ แร็กนาร็อก การกลับมาอีกครั้ง ของเกมแอ็กชันผจญภัย ต่อสู้เพื่อโค่นล้มเหล่าทวยเทพ ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2022 โดยทีมผู้พัฒนาเกม Santa Monica Studio และจัดจำหน่ายโดยบริษัท Sony Interactive Entertainment กำหนดขายในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2022 ซึ่งเราจะพาไปทำความรู้จักตัวเกม พร้อมยกตัวอย่างคำวิจารณ์ของผู้เล่น
ในส่วนของเนื้อเรื่อง จะดำเนินต่อจากตัวเกมในภาคที่ 3 (วางจำหน่ายเมื่อปี 2018) โดยจะเล่าเรื่องหลังจากผ่านไป 3 ปี หลังจากที่ตัวเอกของเกม ได้สังหาร Baldur ทำให้ Kratos กลับมาใช้ชีวิตปกติ และพยายามที่จะเป็นพ่อคน เพื่อให้สมาชิกใหม่อย่าง Atreus ที่เป็นลูกของเผ่ายักษ์ (Loki) และจะมีบทบาทสำคัญกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น
ซึ่งทาง Atreus พยายามเกลี้ยกล่อมให้ Kratos ให้เขาเลิกซ่อนตัวอยู่ในป่า และพากันออกไปผจญภัย เพื่อค้นหาคำตอบที่กล่าวว่า หน้าที่ของคนเผ่ายักษ์ ตามคำทำนายนั้นคืออะไร แต่ทางเครโทสไม่เห็นด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการมีเพียงสิ่งเดียว คือการปกป้อง และคอยดูแลแอทรีอัส ที่เขามองว่าเป็นลูกชายของเขาจริงๆ
แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ทำให้ทั้งสองต้องออกเดินทางอีกครั้ง ก่อนที่สงคราม Ragnarok จะเกิดขึ้น โดยรวมแล้ว ด้วยความที่เป็นภาคปิดฉากดินแดนทวยเทพ ทำให้ภาพรวมของตัวเกมในภาคนี้ เต็มไปด้วยปมเรื่องราว และรายละเอียดที่ซับซ้อน อัดแน่นไปด้วยรสชาติของความรู้สึก และผู้เล่นจะได้เห็นเบื้องหลังของตัวละครต่างๆ จากหลากหลายมิติ (3 พฤศจิกายน 2022) [1]
สำหรับระบบเกมเพลย์ ที่ทางผู้สร้างเกม ก็ยังคงรูปแบบเกมแนวแอ็กชันผจญภัย นำเสนอการเล่น ในมุมมองบุคคลที่สาม ตัวเกมจะมาพร้อมกับมุมกล้อง ที่ผู้เล่นสามารถควบคุมได้ด้วยตนเอง และเกมนี้จะไม่มีการตัดมุมกล้อง หรือหน้าจอโหลดรูปแบบ ซึ่งจะคล้ายกับตัวเกม God of War ที่ปล่อยให้เล่นเมื่อปี 2018
คุณจะได้ควบคุมตัวละครเครโทส ที่เป็นตัวละครหลักในการดำเนินเรื่องราว ต่อสู้และสาดคอมโบเต็มรูปแบบ อีกทั้งยังต้องแก้ไขปริศนาต่างๆ เพื่อปลดล็อกอาวุธ เช่น ขวานพิเศษ (Leviathan Axe) ดาบคู่ (Blades of Chaos) ซึ่งเป็นอาวุธที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับเครโทส และปลดล็อก Guardian Shield เพื่อเพิ่มพลังป้องกันในระหว่างการต่อสู้
อีกทั้งทางผู้พัฒนาเกม ยังได้ปรับปรุงโล่ป้องกัน ให้มีความหลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากการใช้ปัดป้องแล้ว ยังสามารถใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้ ทั้งในเรื่องของการต่อสู้ และการป้องกันการโจมตี ซึ่งขึ้นอยู่ว่าผู้เล่น จะเลือกใช้โล่อย่างไร เช่น โล่เล็กจะช่วยปัดป้องและสตันศัตรู ส่วนโล่ใหญ่จะเน้นการป้องกัน และปล่อยคลื่นพลังงานได้ (26 กรกฎาคม 2025) [2]
สเปคขั้นต่ำสำหรับเล่นเกม
สำหรับผู้อ่านท่านใด ที่ต้องการเล่นเกมบนเครื่องพีซี ทางผู้เขียนได้อ้างอิงข้อมูลสเปคพีซี มาจากผู้พัฒนาเกม ซึ่งสามารถเล่นเกมในการปรับความละเอียด 1080p 30fps แต่สำหรับใครที่เบื่อกับการแนะนำเกมเดิมๆ สามารถคลิกเข้าไปดูบทความรีวิวเกมจากทางผู้เขียนได้ที่ เกมสตรีม น่าเล่น
นับตั้งแต่ที่ตัวเกมเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 บนแพลตฟอร์ม Steam พบว่ามีผู้เล่นกว่า 35,615 คน เข้าไปร่วมสนุก และเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ของตัวเกมในภาคนี้ ส่งผลให้ตัวเกม ติดอันดับ 247 สินค้าขายดี และติดอันดับ 773 ของตัวเกมที่ผู้เล่นต้องการมากที่สุด (19 กันยายน 2024) [3]
จากข้อมูลข้างต้น ทางผู้เขียนได้อ้างอิงข้อมูลคำวิจารณ์ ที่เหล่าผู้เล่นได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ผ่านเว็บไซต์ Metacritic ในหัวข้อ PC Critic Reviews ซึ่งแบ่งคำวิจารณ์ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ คำวิจารณ์เชิงบวก 35 (95%), คำวิจารณ์แบบผสม 2 (5%) และคำวิจารณ์เชิงลบ 0 (0%)
สำหรับเกมก็อดออฟวอร์ ภาค Ragnarok ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของผู้พัฒนาเกม ที่ได้ออกแบบตัวเกมได้อย่างยอดเยี่ยม กราฟิกสวยงาม ระบบลื่นไหลทั้งพีซีและ PS5 อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่ผู้เล่น จะต้องเป็นผู้ควบคุม รวมไปถึงระบบปิดเสียงของตัวละคร ที่อาจทำให้ผู้เล่นบางคน มีความรู้สึกหงุดหงิด หากได้ยินเสียงพากย์ของตัวละคร
และจุดเด่นต่อมาก็คือ ระบบการควบคุมตัวละครด้วยเมาส์และคีย์บอร์ด ที่ทางผู้พัฒนาเกม ได้ออกแบบ และรองรับการควบคุมอุปกรณ์ทั้งสอง ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่น สามารถใช้งานได้ดี แถมควบคุมตัวละครได้ไม่ยาก สุดท้ายก็คือ คอนเทนต์ DLC Vahalla ที่ปล่อยให้ผู้เล่น ได้เข้าไปร่วมทดลองกันแบบฟรีๆ
สำหรับใครที่ชื่นชอบผลงานเกมแอ็กชัน ผสมผสานกับเกมแนวผจญภัย ซีรีส์เกมก็อดออฟวอร์ ถือว่าตอบโจทย์ผู้เล่นมากที่สุด มีทั้งความสนุกจากการต่อสู้ ความเศร้าจากการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครต่างๆ โดยเฉพาะในภาคที่สี่ ที่ให้ความรู้สึกครบทุกรสชาติ สามารถซื้อตัวเกมได้ที่แพลตฟอร์มสตรีม ในราคา 1,690 บาท
แม้ว่าตัวเกมจะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมมากแค่ไหน แต่ก็มีผู้เล่นที่สายตาดี ได้พบเจอข้อบกพร่องของตัวเกม เช่น ฉากบางฉากที่ทำให้เฟรมเรตตกแบบงงๆ และข้อบกพร่องในการผูก PSN ในการเข้าเล่นเกมทุกครั้ง ทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกรำคาญ และสุดท้ายก็คือ ปัญหาระบบ VRAM ที่ไม่สามารถปรับใช้การ์ดจอแยกได้ ส่งผลให้เครื่องพีซีทำงานหนัก
หลังจากที่ผู้พัฒนาเกม ได้ปล่อยให้เล่นเกมอย่างเป็นทางการ ก็มีเว็บไซต์ต่างประเทศหลายๆ เว็บไซต์ ที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับตัวเกม และได้ให้คะแนนรีวิวภาพรวมของตัวเกม ได้แก่ Destructoid ให้คะแนนรีวิว 9/10, Electronic Gaming Monthly ให้คะแนนรีวิว 5/5 และเว็บไซต์ Game Informer ให้คะแนนรีวิว 9.5/10 คะแนน