
รีวิว ลอร์ดแห่งผู้ล้มลง การกลับมาอีกครั้งของอัศวินในตำนาน
- Chono
- 15 views

รีวิว ลอร์ดแห่งผู้ล้มลง เกมแอ็กชันผจญภัยในตำนาน คุณจะได้รับบทบาทเป็นอัศวิน ที่ต้องออกผจญภัย ในดินแดนสุดแสนแฟนตาซี ซึ่งเกมนี้เป็นผลงานการออกแบบ และจัดจำหน่ายโดยบริษัท CI Games วางขายบนแพลตฟอร์มสตรีม เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2023 เราจะพาทุกท่านไปดูเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้น และยกตัวอย่างบทวิจารณ์ของเหล่านักเล่นเกม ก่อนที่ท่านจะซื้อตัวเกม
สำหรับการ รีวิว ลอร์ดแห่งผู้ล้มลง เกมแอ็กชันสวมบทบาท ซึ่งเป็นภาคต่อของตัวเกมภาคก่อน ที่เคยวางจำหน่ายไปเมื่อปี 2014 เกมนี้จะเปิดให้เล่นทั้ง Windows, PlayStation 5 และ Xbox Series X/S หลังจากที่วางขายอย่างเป็นทางการ ตัวเกมก็ได้รับบทวิจารณ์ในทางที่ดี และสามารถทำยอดขายได้มากถึง 1 ล้านชุด ภายใน 10 วันแรกที่เปิดตัว
หลังจากที่ปีศาจถูกข่มเหง และอยู่ภายใต้การปกครองของแอดีย์ อยู่มาวันหนึ่ง ปีศาจแห่งความมืด และเหล่าสาวก ได้ลุกขึ้นมาต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถจัดการได้ พวกเขาจึงทำการผนึกแอดีย์เอาไว้ และหนึ่งในนักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ได้ก่อตั้งคณะผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเฝ้าดูวันที่สัญญาณเวทมนตร์ทั้ง 5 แห่ง จะปรากฏในดินแดนมอร์นสเตดอีกครั้ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป 1,000 ปี การกลับมาของแอดีย์ ซึ่งใกล้วันที่เขาจะถูกปลดปล่อยจากการผนึก ช่วงเวลาดังกล่าว เหล่าปีศาจได้รุกรานดินแดนต่างๆ แต่ทว่า ได้มีนิกายหนึ่งของเซนทิเนลส์ ได้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์อันทรงพลัง ซึ่งมีไว้เพื่อชุบชีวิตผู้ถือครอง และตัวละครของผู้เล่น จะกลายเป็นผู้สืบทอดอาวุธโบราณชิ้นนี้ (18 กันยายน 2025) [1]
ซึ่งตัวเกมจะนำเสนอการเล่นแบบ Souls-Like ที่มีความยากแตกต่างกันออกไป ผู้เล่นจะมีทรัพยากรใช้งานอย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็น ไอเทมสำหรับฟื้นฟูเลือด หากไอเทมหมด จะสามารถฟื้นฟูเลือด ด้วยการนั่งพักผ่อน หรือเดินไปยังจุดเซฟโซนเท่านั้น ซึ่งจุดเซฟโซนภายในเกมจะถูกเรียกว่า Vestige หากเดินทางไปยังจุดเซฟโซน เหล่ามอนสเตอร์ที่ถูกฆ่าตาย จะฟื้นขึ้นมาทั้งหมด
และภายในเกมนี้ จะมีระบบการเล่นแบบโลกคู่ขนาน ซึ่งจะถูกเรียกว่า Interconnected World ระหว่างโลกของคนเป็น และโลกของคนตาย โดยตัวละครของผู้เล่น สามารถเดินทางไปมาระหว่างทั้ง 2 โลก ด้วยตะเกียงวิเศษ โดยจุดเด่นของระบบนี้ อาจจะมีบางพื้นที่ภายในเกม ที่ผู้เล่นไม่สามารถเดินทางผ่านได้ในโลกของคนเป็น และจะต้องเดินผ่านโลกของคนตายแทน
ระบบคลาสภายในเกม จะมีให้เลือกเล่นทั้งหมด 9 คลาส และคลาสที่ 10 จะเป็น Dark Crusader ซึ่งเป็นคลาสเฉพาะผู้ที่ซื้อตัวเกมแบบแพ็กเกจ DLC และคลาสต่างๆ จะมีอาวุธให้เลือกใช้งาน และค่า Stats เริ่มต้นที่แตกต่างกันออกไป (25 ตุลาคม 2023) [2]

สำหรับรายละเอียดเนื้อหาส่วนถัดไป ทางผู้เขียนบทความ จะพาไปดูตัวอย่างบทวิจารณ์ ที่มาจากผู้เล่น ที่ได้เล่นเกมนี้ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ และได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ลงบนเว็บไซต์ Metacritic เพื่อให้ผู้อ่านบทความ สามารถใช้เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจ ว่าจะซื้อเกมนี้หรือไม่ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
และสำหรับตัวอย่างบทวิจารณ์บนเว็บไซต์ Metacritic จะแบ่งออกเป็น 3 บทวิจารณ์ ได้แก่ บทวิจารณ์เชิงบวก 40 (60%), บทวิจารณ์แบบผสม 22 (34%) และบทวิจารณ์เชิงลบ 2 (3%) อีกทั้งเว็บไซต์นี้ ได้ให้คะแนนรีวิวตัวเกมไว้ที่ 75/100 คะแนน (2025) [3]
หมายเหตุเพิ่มเติม นี่คือสเปคสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่แรงมาก สามารถปรับความละเอียดของตัวเกม “ต่ำ” 720p ที่ในโหมดความคมชัด 30fps หรือท่านใดที่เบื่อกับการแนะนำเกมเดิมๆ สามารถคลิกเข้าไปดูบทความรีวิวเกมอื่นๆ ได้ที่ เกมสตรีม น่าเล่น
ตอกย้ำความสนุกและความนิยมของตัวเกม หากท่านใดที่ยังลังเลว่าจะเล่นเกมนี้ หรือจะซื้อเกมนี้ดีหรือไม่ ทางเราได้อ้างอิงข้อมูลมาจากเว็บไซต์ SteamDB หลังจากที่ตัวเกมเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการ เกมนี้มีผู้เล่นได้ให้ความสนใจ และเลือกเข้ามาร่วมสนุกมากถึง 43,075 คน ส่งผลให้เกมนี้ติดอันดับ 1,546 เกมที่ขายดีที่สุดบนสตรีมอีกด้วย
จากสถิติจำนวนผู้ที่เล่นเกมนี้ ผ่านแพลตฟอร์ม Steam พบว่า เมื่อ 30 วันที่ผ่านมา ภายในปี 2025 ตัวเกมยังคงมีผู้เล่นที่เล่นเกมนี้อยู่ทั้งหมด 2,172 คน และมีเหล่าสตรีมเมอร์หลายๆ ท่าน ทำการไลฟ์สดเล่นเกมนี้ผ่านแพลตฟอร์ม Twitch ปรากฏว่ามีจำนวนผู้เข้ารับชมการเล่นเกมทั้งหมด 189,337 ผู้ชม
ท่านใดที่ได้อ่านรายละเอียดเนื้อหาบทความรีวิวเกม และเกิดความสนใจอยากจะลองเล่นเกม สามารถเข้าไปสั่งซื้อตัวเกมได้ที่แพลตฟอร์ม Steam โดยมีราคาขายเริ่มต้นที่ 900 บาท ราคาแบบแพ็กเกจ Deluxe Edition 1,159 บาท และราคาตัวเกมเพิ่มเติม (DLC) จะมีราคาขายอยู่ที่ 499.80 บาท

