
รีวิว อัสแซสซินส์ครีด 4 เกมแอ็กชันธีมนักฆ่า คอมโบเดือด
- Chono
- 10 views
รีวิว อัสแซสซินส์ครีด 4 สุดยอดเกมแอ็กชันผจญภัยในตำนาน ซึ่งภาคแรกเปิดให้บริการเมื่อปี 2010 จากกระแสความนิยม จนทำให้ทางผู้พัฒนาเกม Ubisoft Montreal ได้สร้างเกมมาจนถึงภาคล่าสุด ซึ่งเป็นภาคต่อของตัวเกมภาคที่สาม ที่ปล่อยให้เล่นในปี 2012 เราจะพาผู้อ่านทุกท่าน ไปทำความรู้จักตัวเกม และข่าวสารที่เกี่ยวข้อง ดังข้อมูลต่อไปนี้
สำหรับตัวเกมในภาคที่ 4 ที่มีชื่อว่า Assassin’s Creed IV : Black Flag ที่ยังคงรูปแบบเกมแอ็กชันผจญภัย ถึงแม้จะเป็นแฟรนไชส์ภาคที่สี่ แต่ตัวเกมยังเป็นภาคหลักลำดับที่ 6 ในซีรีส์ของเกมอัสแซสซินส์ครีด และตัวเกมในภาคที่สี่ ยังคงนำเสนอเรื่องราวและช่วงเวลาประวัติศาสตร์ เปิดให้เล่นทั้ง PlayStation 3-4, Xbox One และ Windows (4 สิงหาคม 2025) [1]
ซึ่งตั้งแต่ที่ตัวเกมวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Steam ในเดือนพฤศจิกายน 2013 พบว่ามีจำนวนผู้เล่นเข้าไปร่วมสนุกมากถึง 16,049 ผู้เล่น ส่งผลให้ตัวเกมติดอันดับ 972 ของเกมที่ขายดีบนแพลตฟอร์มสตรีม และได้รับการวิจารณ์มากถึง 72,555 บทวิจารณ์ ซึ่งสถิติเมื่อ 30 วันที่ผ่านมา ยังมีผู้เล่นเข้าไปร่วมเล่นเกมอยู่ที่ 1,739 ผู้เล่น
ก่อนที่คุณจะไปดูระบบเกมเพลย์ เราจะพาไปดูในส่วนของเนื้อเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งจะยังคงอ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ จากเหตุการณ์สมมติในโลกของความเป็นจริง เล่าผ่านเรื่องราวของตัวละครนักฆ่า ที่ต่อสู้เพื่อรักษาสันติภาพ และเจตจำนงเสรี ซึ่งจะดำเนินเรื่องราวในช่วงศตวรรษที่ 21 คุณจะได้รับบทเป็นพนักงานของ Abstergo Industries
ซึ่งตัวละครที่คุณจะได้สวมบทบาท ได้แก่ Edward Kenway โจรสลัดที่ผันตัวมาเป็นนักฆ่า จนในที่สุด เขาก็ได้เป็นสมาชิกของกลุ่ม Brotherhood of Assassins เช่นเดียวกับแฟรนไชส์เกมอัสแซสซินส์ครีดภาคก่อนๆ ที่มีการปูเรื่องราวที่แบ่งแยกออกจากกัน แต่จะมีจุดเชื่อมโยงที่เหมือนกัน นั่นก็คือสามารถดูความทรงจำผ่านทางพันธุกรรมได้นั่นเอง
ต่อมาก็คือระบบเกมเพลย์ (Gameplay) ซึ่งตัวเกมเวอร์ชันนี้ ยังคงระบบเหมือนกับตัวเกมภาคก่อนๆ แต่จะเน้นการต่อสู้บนเรือโจรสลัด และมีเมืองให้เลือกเล่นเพียงแค่ 3 เมืองเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นหมู่เกาะเล็กๆ และคุณจะยังคงทำภารกิจต่างๆ เพื่อตามเก็บเนื้อเรื่อง และแก้ไขปริศนาของชนเผ่ามายัน ที่เป็นเนื้อเรื่องใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามา (7 ธันวาคม 2013) [2]
หลายท่านอาจจะยังไม่รู้ หรือไม่ทันได้สังเกต ที่ตัวเกมในภาคนี้ ถูกถอดออกจากการวางจำหน่ายบน Steam อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าใดๆ ทั้งสิ้น และผู้เล่นหน้าใหม่จะไม่สามารถซื้อตัวเกมได้ ซึ่งการปิดตัวลงอย่างกะทันหันนี้ ได้จุดประกายความหวังของเหล่าแฟนคลับบางส่วน ที่คาดหวังตัวเกมเวอร์ชันรีเมค
หรือบางทีอาจจะเป็นเซอร์ไพรส์จากทางผู้พัฒนาเกม Ubisoft ซึ่งก็คืออีกหนึ่งความหวังของเหล่าแฟนคลับ แต่ในช่วงเวลาต่อมา ทางบริษัทผู้พัฒนาเกม ก็ได้ออกมาบอกเกี่ยวกับความจริง กล่าวไว้ว่า แท้จริงแล้วในการถอดตัวเกมออกจากสตรีม ไม่ได้เกี่ยวกับยอดขายที่น้อยกว่าภาคอื่นๆ แต่เกิดจากข้อผิดพลาดบางอย่างของระบบ และทีมงานกำลังเร่งแก้ไข (9 กันยายน 2023) [3]
จากการนำเสนอข้อมูลข้างต้น แม้ว่าตัวเกมจะทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่จากการรีวิวภาพรวมของตัวเกม ก็ถือว่าไม่แย่เลยทีเดียว ทั้งในส่วนของระบบเกมเพลย์ ภาพกราฟิก และเสียงดนตรีประกอบ ทำให้เกมนี้ได้รับคะแนนจาก GAMING DOSE 18/20 คะแนน และข้อมูลในส่วนนี้ เราจะพาไปดูสเปคเล่นเกมบนพีซี พร้อมกับยกตัวอย่างบทวิจารณ์ของผู้เล่น ดังนี้
ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม Steam ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 เป็นต้นไป จะรองรับการเข้าใช้งานผ่านระบบปฏิบัติการ Windows 10 และเวอร์ชันที่ใหม่กว่าเท่านั้น หรือว่าใครที่อยากดูบทความรีวิวเกมยอดฮิต ที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มสตรีม สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ เกมสตรีม น่าเล่น
แม้ว่าตัวเกมจะไม่ปล่อยให้ดาวน์โหลด แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตัวเกมในเวอร์ชันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งเวอร์ชันที่ดีที่สุด ที่ได้รวมเอาจุดเด่นของแต่ละภาคมารวมไว้ด้วยกัน ภาพทิวทัศน์ที่สวยงามตระการตา ฉากต่อสู้บนเรือโจรสลัดที่ให้ความตื่นเต้น เร้าใจ แม้จะมีอาการเฟรมเรตตกไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วถือว่ายอดเยี่ยม
ในช่วงเวลาที่ตัวเกมได้รับความนิยม ก็มีสื่อเว็บไซต์หลายๆ เว็บไซต์ ได้เข้ามาให้คะแนนรีวิวตัวเกม ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ Computer and Video Games ให้คะแนนรีวิวตัวเกม 9/10, Destructoid ให้คะแนนรีวิว 8.5/10, Electronic Gaming Monthly ให้คะแนนรีวิวภาพรวม 9.5/10 และ Eurogamer ให้คะแนนรีวิว 9/10 คะแนน
นับตั้งแต่ที่ตัวเกมเปิดตัว และเปิดให้จับจองเป็นเจ้าของ สามารถทำยอดขายได้มากถึง 10 ล้านชุดภายในเดือนมกราคม ปี 2014 และข้อมูลจากทางผู้พัฒนาเกม กล่าวไว้ว่า ในไตรมาสที่ 3 มีการส่งสินค้าให้กับร้านค้าจำนวนมาก แต่ก็ยังทำยอดขายได้น้อยกว่าตัวเกมในภาคที่สาม