
รีวิว Runbow เกมวิ่งเปลี่ยนสี ที่ทั้งฮาและหัวร้อนในเกมเดียว
- Spawn
- 30 views
รีวิว Runbow เกมวิ่งแข่งที่สร้างจุดขายด้วย ฉากเปลี่ยนสี ทำให้เส้นทางที่เห็นเมื่อครู่หายไปในพริบตา นี่คือเหตุผลที่ทำให้เกมนี้สนุกไม่ซ้ำใคร ตั้งแต่เปิดตัวบน Wii U ปี 2015 เกมRunbow ก็เริ่มถูกพูดถึงในฐานะเกมปาร์ตี้อินดี้ที่เล่นง่าย แต่เต็มไปด้วยความโกลาหลที่ดึงเพื่อนมาหัวเราะด้วยกันได้เสมอ
สำหรับการ รีวิว Runbow ที่เป็นเกมแนว Multiplayer Platformer ที่นำความวุ่นวายมาเป็นจุดขายแทนที่จะเน้นสมจริง จุดต่างจากเกมวิ่งแข่งทั่วไปอย่าง Stumble Guys คือมันไม่ได้พึ่งไอเท็ม หรือด่านแกล้งผู้เล่นเท่านั้น
แต่ใช้ “สี” เป็นกติกาหลักของเกม พื้นหรือสิ่งกีดขวางที่สีตรงกับฉากหลังจะหายไปทันที ทำให้ทุกก้าวที่วิ่งอยู่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน โดยเกมแนววิ่งแข่งส่วนใหญ่มักพึ่งด่านยากหรือการชนกันของผู้เล่นเป็นตัวสร้างความฮา
ในขณะที่ เกมRunbow พลิกโฉมด้วยการทำให้ กติกาเปลี่ยนไปตลอดเวลา สิ่งนี้ทำให้ผู้เล่นต้องอาศัยทั้งการสังเกต การตัดสินใจเร็ว และยอมรับความโกลาหลที่เกิดขึ้นทุกวินาที นี่คือเหตุผลที่ เกมนี้ถูกยกให้ต่างออกไปจากเกมวิ่งแข่งที่คุ้นเคย (8 กรกฎาคม 2025) [1]
หัวใจของ เกมRunbow คือระบบ Background Color Shifting ที่ทำให้ฉากหลังเปลี่ยนสีทุก ๆ ไม่กี่วินาที เมื่อพื้นหรือสิ่งกีดขวางมีสีเดียวกับฉากหลัง มันจะหายไปในทันที กลไกนี้เปลี่ยน “เส้นทางปกติ” ให้กลายเป็นกับดักที่พลิกเกมได้ตลอดเวลา
ความพิเศษอยู่ที่ผู้เล่น ไม่สามารถจำด่านได้เหมือนเกมแพลตฟอร์มทั่วไป เพราะทุกการเคลื่อนไหวขึ้นอยู่กับสีที่กำลังจะเปลี่ยน จังหวะที่ก้าวพลาดหนึ่งครั้งอาจทำให้ตกเวทีทันที นี่ทำให้เกมRunbow มีทั้งความโกลาหลและความท้าทายที่หาไม่ได้จากเกมวิ่งแข่งอื่น ๆ (2 กรกฎาคม 2018) [2]
เกมวิ่งRunbow ถูกออกแบบมาเพื่อความโกลาหลเป็นหลัก รองรับผู้เล่นสูงสุดถึง 9 คน ในแมตช์เดียวกัน ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเกมปาร์ตี้แนววิ่งแข่ง เกมเพลย์หลักคือการวิ่งแข่งไปถึงเส้นชัย แต่ระหว่างทางผู้เล่นจะเจอทั้งกับดักจากฉากเปลี่ยนสี และการชนหรือผลักกันเองจนตกเวที
นอกจากโหมดวิ่งแข่ง ยังมีโหมดอื่นให้เลือก เช่น
ถึงจะมีโหมดเล่นคนเดียว แต่เกมวิ่งนี้จะสนุกที่สุดเมื่อเล่นกับเพื่อน เพราะทุกความผิดพลาดหรือการตกเวทีมักกลายเป็นเสียงหัวเราะมากกว่าความจริงจัง (3 กรกฎาคม 2018) [3]
เกมวิ่งแข่งRunbow ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็น “เกมอินดี้บน Wii U” แต่เดินทางข้ามแพลตฟอร์มมาจนครบแทบทุกเครื่องหลักในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เส้นทางของมันสามารถสรุปได้ดังนี้:
แม้ Wii-U จะถูกจดจำว่าเป็นหนึ่งในคอนโซลที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่เกมวิ่งเปลี่ยนสีอย่างเกมRunbow กลับไม่ถูกฝังไปพร้อมกับมัน
โดยจุดแข็งของเกมอยู่ที่ คอนเซ็ปต์โกลาหลจากฉากเปลี่ยนสี ที่ไม่มีใครทำซ้ำได้ง่าย ๆ ทำให้มันถูกพอร์ตออกไปยังแพลตฟอร์มอื่นอย่างต่อเนื่อง และยังได้คะแนนเฉลี่ยสูงถึง 82/100 บน Metacritic เมื่อเปิดตัวครั้งแรก
อีกเหตุผลคือ เกมนี้ตอบโจทย์ในสิ่งที่เกมปาร์ตี้ยุคใหม่ยังต้องการเสมอ ในพาร์ทของการเล่นง่าย เข้าถึงได้ทุกคน และสร้างเสียงหัวเราะได้ทันที สิ่งนี้ทำให้เกมไม่ผูกติดกับเครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่กลายเป็นคอนเทนต์ที่ยังมีคนหยิบมาเล่นต่อ แม้เวลาจะผ่านไปเกือบสิบปี
RunbowGame ได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดตัว และยังคงมีเสียงบวกต่อเนื่องแม้เวลาผ่านไปเกือบสิบปี ถ้าเทียบจากคะแนนและสถิติ จะเห็นได้ชัดว่ามันถูกยอมรับในฐานะเกมปาร์ตี้อินดี้ที่เล่นสนุกกว่าที่คิด:
GameRunbow ไม่ได้เป็นแค่เกมที่มีคะแนนรีวิวดี แต่ประสบการณ์จริงของผู้เล่นก็บอกตรงกันว่า มันคือหนึ่งในเกมปาร์ตี้ที่สร้างทั้งเสียงหัวเราะและความหัวร้อนในเวลาเดียวกัน จุดนี้แหละที่ทำให้เกมยังถูกหยิบมาเล่นซ้ำแม้จะออกมาเกือบสิบปีแล้ว
แม้เกมนี้ จะมีจุดขายคือ ฉากเปลี่ยนสี ที่ทำให้แพลตฟอร์มหายไป แต่ประสบการณ์จริงพิสูจน์ว่า มันไม่ใช่ gimmick ที่เล่นแป๊บเดียวแล้วเบื่อ ผู้เล่นส่วนใหญ่บอกว่าระบบนี้สร้างความโกลาหลที่ทำให้หัวเราะได้จริงโดยเฉพาะเวลาหลายคนแข่งพร้อมกัน
ซึ่งจังหวะที่พลาดตกเวทีพร้อม ๆ กัน มักกลายเป็นโมเมนต์ตลกมากกว่าความหงุดหงิด การันตีได้จาก รีวิวจากสื่อและ community ยังมองตรงกันว่า กลไกนี้ทำให้เกมมีความสดใหม่ในทุกแมตช์ ต่อให้เล่นซ้ำหลายครั้งก็ยังเจอเหตุการณ์ไม่เหมือนเดิม
ข้อดี
ข้อเสีย
นี่คือเกมที่แสดงให้เห็นว่า คอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่ทำให้เกมอินดี้อยู่รอดได้ยาวนาน แม้ผ่านเกือบสิบปี มันยังถูกพูดถึงว่าเป็นเกมปาร์ตี้ที่สร้างทั้งเสียงหัวเราะและความหัวร้อนในเวลาเดียวกัน จุดแข็งของเกมจึงไม่ใช่กราฟิกหรือความสมจริง แต่คือ “ความโกลาหลที่สนุกทุกครั้งที่หยิบมาเล่นกับเพื่อน”
Runbow เริ่มบน Wii-U ก่อนพอร์ตไป PC, New 3DS, Xbox One, PS4 และ Switch ภายใน 3 ปี ทำให้วันนี้ยังหาเล่นได้ครบทุกแพลตฟอร์มหลักทั้งคอนโซลและพีซี
เรื่องของอนาคตอาจไม่แน่นอน เพราะยังไม่มีประกาศภาคใหม่หรือรีมาสเตอร์ แต่กระแสรีวิวบวกและ community ที่ยังพูดถึง ทำให้โอกาสการกลับมาในอนาคตยังไม่ถูกปิดตาย