รีวิว The Alto Collection เกมสโนว์บอร์ด ท่องสายลมและภูเขา

รีวิว The Alto Collection

รีวิว The Alto Collection เกมศิลปะแห่งการสไลด์ ที่ไม่ต้องมีบอสใหญ่ หรือแอ็กชันระเบิดภูเขาเผากระท่อมก็เสิร์ฟความสนุกให้ได้ เกมที่จะพากลับไปสู่ความเรียบง่ายของการเล่นสโนว์บอร์ด ด้วยการจับจังหวะกระโดด และปล่อยใจไปกับดนตรีที่ลอยมาเบา ๆ ตามบรรยากาศสุดชิลภายในเกม

  • ทำความรู้จัก เกมTheAltoCollection
  • ความน่าสนใจ ของเกมที่ชวนติดหนึบ
  • บอกต่อ ข้อดี–ข้อเสีย ที่เจอบ่อย

แนะนำเกม TheAlto Collection กับแง่มุมที่น่าสนใจ

สำหรับเกม TheAlto Collectionคือ การรวมแพ็กเกจพิเศษ ที่จับสองเกมอินดี้ชื่อดัง Alto’s Adventure และ Alto’s Odyssey มาอยู่ในชุดเดียว โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 บน PC, PlayStation 4, Xbox One และตามมาบน Switch (30 พฤศจิกายน 2020) [1]

ซึ่งจุดเด่นของเกมนี้ คือ การพาเกมมือถือ ที่เคยครองใจคนเล่นทั่วโลก ก้าวขึ้นสู่แพลตฟอร์มจอใหญ่ ด้วยงานภาพที่คมชัดขึ้น ควบคุมด้วยจอยได้ถนัด และยังมีฟีเจอร์เสริมอย่าง Photo Mode และ Zen Mode ให้เลือกเล่นตามสไตล์ (18 สิงหาคม 2020) [2]

เจาะลึกต้นกำเนิดจากมือถือ สู่การพอร์ตลงคอนโซลและพีซี

ต้นกำเนิดที่อาจต้องย้อนไป ในตอนที่เกม Alto’s Adventure เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 บน iOS และ Android ด้วยคอนเซ็ปต์ง่าย ๆ คือการสโนว์บอร์ดลงจากภูเขาหิมะ ไล่ล่าลามะที่หนีออกจากฝูง เกมเพลย์ที่ใช้เพียงปุ่มเดียว แต่สร้างความท้าทายได้มหาศาล ทำให้มันกลายเป็นกระแสในช่วงนั้น 

ก่อนที่ภาคต่อ Alto’s Odyssey จะตามมาในปี 2018 ขยายบรรยากาศไปยังทะเลทรายและซากปรักหักพัง และเมื่อถึงปี 2020 ผู้พัฒนาตัดสินใจรวมทั้งสองภาค มาอยู่ในคอนโซลและพีซีภายใต้ชื่อ เกมTheAltoCollection โดยไม่ใช่แค่การพอร์ตธรรมดา 

แต่เกมภาครวมนี้ ได้ปรับภาพ เสียง และระบบควบคุม ให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเสน่ห์ของเกมมือถือ สามารถทำงานได้ดีบนจอใหญ่เช่นกัน (21 สิงหาคม 2020) [3]

Game-TheAltoCollection รวมเกมอะไรไว้บ้าง ต่างกันยังไง?

ภายในชุดนี้ มีสองเกมหลักคือ Adventure และ Odyssey ที่แม้จะใช้สูตรการเล่นสไตล์เดียวกัน แต่ก็มีความต่างชัดเจน ดังนี้

  • Alto’s-Adventure: เน้นภูเขาหิมะ บรรยากาศเย็นตลอดเกม พร้อมระบบสภาพอากาศ แบบหิมะตก พายุ และกลางวัน–กลางคืน
  • Alto’s-Odyssey: เปลี่ยนฉากเป็นทะเลทราย และซากโบราณสถาน เพิ่มลูกเล่นใหม่ เช่น การขี่บนกำแพงหิน บ่อน้ำ และลมร้อน ที่ส่งผลต่อการกระโดด

ความน่าสนใจของ TheAlto Collection ที่ชวนติดหนึบ

เสน่ห์ของTheAltoCollection อยู่ที่การทำให้สิ่งที่ดูเรียบง่าย กลับกลายเป็นเกมที่เล่นแล้วเพลินจนวางไม่ลง การควบคุมแค่ปุ่มเดียว แต่พอผูกเข้ากับฉากหลังที่สวยงาม สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป และเพลงที่ไหลลื่น 

จึงทำตัวเกมสามารถสร้างอารมณ์ ที่ทั้งผ่อนคลายและท้าทายในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเก่า หรือเพิ่งมาลองครั้งแรก ก็มีเหตุผลพอให้ติดอยู่กับมันนานหลายชั่วโมงอย่างแน่นอน

คะแนนรีวิว ภาพรวมเกม จากความคิดเห็นส่วนตัว

  1. Gameplay (ระบบการเล่น): 8/10 เกมที่ควบคุมง่าย ใช้เพียงปุ่มเดียว แต่แฝงความท้าทายเรื่องจังหวะกับสภาพแวดล้อม เล่นได้ทั้งสายชิลและจริงจัง ข้อเสียคือหลังเล่นนาน ๆ จะรู้สึกซ้ำไปบ้าง
  2. Graphics (กราฟิก): 9/10 งานศิลป์โดดเด่นมาก ภาพเหมือนโปสเตอร์มีชีวิต บรรยากาศทั้งภูเขาหิมะ และทะเลทราย ที่ทำออกมาได้สวย แถมยังมีการเปลี่ยนแสง ในช่วงกลางวัน กลางคืน ให้เข้ากับสภาพอากาศ ซึ่งช่วยเพิ่มอารมณ์ให้เกมจริง ๆ
  3. Sound (เสียงประกอบ): 8/10 การเล่นพร้อมเพลงแนว ambient ทำให้เล่นแล้วสบายใจ เข้ากับการไถบอร์ดไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเล่นยาว ๆ หลายชั่วโมงอาจรู้สึกว่าทำนองซ้ำ ๆ ไปหน่อย
  4. Story / Narrative (เนื้อเรื่อง / การเล่าเรื่อง): 6/10 ตัวเกมไม่ได้มีการเล่าเรื่องชัดเจน ตัวเกมโฟกัสไปที่บรรยากาศมากกว่า จุดขายคือ mood & tone ไม่ใช่เนื้อหา คนที่อยากได้เรื่องราวจะรู้สึกว่ามันบางไป
  5. Innovation / Replayability (นวัตกรรม / การเล่นซ้ำ): 7.5/10 สำหรับระบบ Zen Mode, Goals และการปลดล็อกตัวละคร ช่วยยืดอายุการเล่นได้ดี แต่โดยแกนหลักยังคงเป็น endless runner แบบเดิม ๆ ไม่มีการปฏิวัติแนวเกม แต่อย่างน้อยความสวยของฉาก ก็ทำให้ยังน่าเปิดมาเล่นซ้ำ

สิ่งที่ผู้เล่นบอกต่อ ข้อดี–ข้อเสีย ที่เจอบ่อย

ข้อดีที่ถูกชมมากที่สุด

  • 85-90% ของงานภาพ และแสงเงาสวยงาม จัดว่าเหมือนภาพวาดที่มีชีวิต
  • เพลงและเสียงประกอบการเล่นกว่า 64.25 Hz ช่วยสร้างบรรยากาศได้ดีถึง 70%
  • ระบบ Zen Mode แบบ 4K ช่วยให้เล่นได้เรื่อย ๆ แบบไม่เครียด
  • มีภารกิจย่อยกว่า 330-360 Goals และตัวละคร 7 ตัว ที่ปลดล็อกได้ เพิ่มแรงจูงใจในการเล่นต่อ

ข้อเสียที่ผู้เล่นพูดถึงบ่อย

  • Gameplay มากกว่า 40% อาจทำให้เริ่มรู้สึกซ้ำซาก ถ้าเล่นต่อเนื่องมากกว่า 24 ชั่วโมง
  • การพอร์ตจากมือถือ ยังเห็นชัดในบางจุด แบบ 100% เช่น UI และจังหวะเกม
  • มีดนตรี 1-2 ท่อน เล่นวนซ้ำบ่อย ทำให้คนที่เล่นยาว ๆ รู้สึกจำเจ

รีวิวเกม The-Alto-Collection โดยสรุป

รีวิว The Alto Collection

เกมที่พิสูจน์ว่า ความเรียบง่ายยังทรงพลัง เกมเพลย์ปุ่มเดียวอาจดูพื้น ๆ เหมือนเกม Canabalt เวอร์ชันอัปเกรด ที่ผูกการเล่นเข้ากับบรรยากาศและดนตรี จนกลายเป็นเสมือนงานศิลป์ที่เล่นได้จริง เกมนี้เหมาะกับคนที่อยากหาพื้นที่พักใจ มากกว่าคนที่ต้องการความท้าทาย แบบระเบิดภูเขาเผากระท่อม

เกมนี้บนคอนโซล/พีซี ต่างจากเวอร์ชันมือถือแค่ไหน?

คำตอบคือ การเล่นบนจอใหญ่ เกมนี้ดูเต็มตา และได้บรรยากาศมากกว่า ภาพละเอียดขึ้น เพลงกังวานกว่า และระบบ Photo Mode ช่วยเก็บช็อตสวย ๆ ได้ง่าย แต่โครงสร้างยังคงกลิ่นมือถืออยู่บ้าง

คะแนนรีวิวจากนักวิจารณ์และผู้เล่นทั่วไป เกมนี้ดีหรือแย่?

ต้องยอมรับว่า จากเสียงวิจารณ์ค่อนข้างเอกฉันท์ว่า “ดีแต่ไม่เพอร์เฟกต์” สื่อต่างประเทศให้คะแนนเฉลี่ย 7–8/10 ผู้เล่น Steam กว่า 95% โหวตให้คะแนนบวก และ PlayStation Store เฉลี่ย 4.5/5 ดาว นั่นหมายความว่า ถึงจะมีข้อซ้ำซาก แต่เสน่ห์ด้านภาพ เสียง และความชิล ที่ยังคงคุ้มค่าให้กับตัวเกม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง