
รีวิว The Alto Collection เกมสโนว์บอร์ด ท่องสายลมและภูเขา
- Spawn
- 22 views
รีวิว The Alto Collection เกมศิลปะแห่งการสไลด์ ที่ไม่ต้องมีบอสใหญ่ หรือแอ็กชันระเบิดภูเขาเผากระท่อมก็เสิร์ฟความสนุกให้ได้ เกมที่จะพากลับไปสู่ความเรียบง่ายของการเล่นสโนว์บอร์ด ด้วยการจับจังหวะกระโดด และปล่อยใจไปกับดนตรีที่ลอยมาเบา ๆ ตามบรรยากาศสุดชิลภายในเกม
สำหรับเกม TheAlto Collectionคือ การรวมแพ็กเกจพิเศษ ที่จับสองเกมอินดี้ชื่อดัง Alto’s Adventure และ Alto’s Odyssey มาอยู่ในชุดเดียว โดยเปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 บน PC, PlayStation 4, Xbox One และตามมาบน Switch (30 พฤศจิกายน 2020) [1]
ซึ่งจุดเด่นของเกมนี้ คือ การพาเกมมือถือ ที่เคยครองใจคนเล่นทั่วโลก ก้าวขึ้นสู่แพลตฟอร์มจอใหญ่ ด้วยงานภาพที่คมชัดขึ้น ควบคุมด้วยจอยได้ถนัด และยังมีฟีเจอร์เสริมอย่าง Photo Mode และ Zen Mode ให้เลือกเล่นตามสไตล์ (18 สิงหาคม 2020) [2]
ต้นกำเนิดที่อาจต้องย้อนไป ในตอนที่เกม Alto’s Adventure เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 บน iOS และ Android ด้วยคอนเซ็ปต์ง่าย ๆ คือการสโนว์บอร์ดลงจากภูเขาหิมะ ไล่ล่าลามะที่หนีออกจากฝูง เกมเพลย์ที่ใช้เพียงปุ่มเดียว แต่สร้างความท้าทายได้มหาศาล ทำให้มันกลายเป็นกระแสในช่วงนั้น
ก่อนที่ภาคต่อ Alto’s Odyssey จะตามมาในปี 2018 ขยายบรรยากาศไปยังทะเลทรายและซากปรักหักพัง และเมื่อถึงปี 2020 ผู้พัฒนาตัดสินใจรวมทั้งสองภาค มาอยู่ในคอนโซลและพีซีภายใต้ชื่อ เกมTheAltoCollection โดยไม่ใช่แค่การพอร์ตธรรมดา
แต่เกมภาครวมนี้ ได้ปรับภาพ เสียง และระบบควบคุม ให้เข้ากับแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเสน่ห์ของเกมมือถือ สามารถทำงานได้ดีบนจอใหญ่เช่นกัน (21 สิงหาคม 2020) [3]
ภายในชุดนี้ มีสองเกมหลักคือ Adventure และ Odyssey ที่แม้จะใช้สูตรการเล่นสไตล์เดียวกัน แต่ก็มีความต่างชัดเจน ดังนี้
เสน่ห์ของTheAltoCollection อยู่ที่การทำให้สิ่งที่ดูเรียบง่าย กลับกลายเป็นเกมที่เล่นแล้วเพลินจนวางไม่ลง การควบคุมแค่ปุ่มเดียว แต่พอผูกเข้ากับฉากหลังที่สวยงาม สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป และเพลงที่ไหลลื่น
จึงทำตัวเกมสามารถสร้างอารมณ์ ที่ทั้งผ่อนคลายและท้าทายในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเก่า หรือเพิ่งมาลองครั้งแรก ก็มีเหตุผลพอให้ติดอยู่กับมันนานหลายชั่วโมงอย่างแน่นอน
ข้อดีที่ถูกชมมากที่สุด
ข้อเสียที่ผู้เล่นพูดถึงบ่อย
เกมที่พิสูจน์ว่า ความเรียบง่ายยังทรงพลัง เกมเพลย์ปุ่มเดียวอาจดูพื้น ๆ เหมือนเกม Canabalt เวอร์ชันอัปเกรด ที่ผูกการเล่นเข้ากับบรรยากาศและดนตรี จนกลายเป็นเสมือนงานศิลป์ที่เล่นได้จริง เกมนี้เหมาะกับคนที่อยากหาพื้นที่พักใจ มากกว่าคนที่ต้องการความท้าทาย แบบระเบิดภูเขาเผากระท่อม
คำตอบคือ การเล่นบนจอใหญ่ เกมนี้ดูเต็มตา และได้บรรยากาศมากกว่า ภาพละเอียดขึ้น เพลงกังวานกว่า และระบบ Photo Mode ช่วยเก็บช็อตสวย ๆ ได้ง่าย แต่โครงสร้างยังคงกลิ่นมือถืออยู่บ้าง
ต้องยอมรับว่า จากเสียงวิจารณ์ค่อนข้างเอกฉันท์ว่า “ดีแต่ไม่เพอร์เฟกต์” สื่อต่างประเทศให้คะแนนเฉลี่ย 7–8/10 ผู้เล่น Steam กว่า 95% โหวตให้คะแนนบวก และ PlayStation Store เฉลี่ย 4.5/5 ดาว นั่นหมายความว่า ถึงจะมีข้อซ้ำซาก แต่เสน่ห์ด้านภาพ เสียง และความชิล ที่ยังคงคุ้มค่าให้กับตัวเกม