ลงทุนแบบ Philip Arthur บิดาแห่งการลงทุนเน้นการเติบโต

ลงทุนแบบ Philip Arthur

ลงทุนแบบ Philip Arthur เป็นการลงทุน ในรูปแบบของการลงทุนระยะยาว หรือการลงทุนในหุ้น ที่มีโอกาสเติบโต ซึ่งทำให้มือใหม่นั้น ให้ความสนใจในหลักการนี้ เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการรอระยะเวลาที่เหมาะสม ในการขายหุ้น และมีความเสี่ยงที่น้อยที่สุดก็ว่าได้

  • แนวคิดในการลงทุนตามหลักความคิดแบบฟิลิป
  • นำเสนอหลักการการลงทุนแบบเข้าใจง่ายของฟิลิป
  • ถอดแนวคิด ทฤษฎี และเทคนิคต่าง ๆ ของฟิลิป

แนวคิดของการลงทุนแบบฟิลิป อาเทอร์ ฟิชเชอร์

ต้องบอกว่าการลงทุนแบบฟิลิป อาเทอร์ ฟิชเชอร์นั้นคือ การลงทุนแบบเน้นการเติบโต ในระยะยาว ซึ่งวิธีการนี้ จะทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนนั้น เกิดขึ้นได้น้อยที่สุด เพราะเป็นการมองหุ้นอย่างเข้าใจ และการมองระยะเวลา ในการตัดสินใจ ในการขายหุ้น ที่ถือในระยะยาว ซึ่งการลงทุนในรูปแบบของฟิลิป อาเทอร์

ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ เชื่อว่าการลงทุนนี้ เป็นการลงทุนในระยะยาว กล่าวคือการศึกษาหุ้นที่ดีที่สุด ซึ่งการศึกษาหุ้นนั้น ๆ ให้ดี ถือเป็นปัจจัยหนึ่ง ในการซื้อขายหุ้นที่ดี จึงทำให้ฟิลิป อาเทอร์ได้รับคำนิยามว่า บิดาแห่งการลงทุนเน้นการเติบโต หรือบิดาแห่งการลงทุนระยะยาว เพราะการลงทุนระยะยาวนั้น

ถือว่าเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด เพราะการลงทุนระยะยาว สามารถมองดูพื้นฐานนั้น ๆ ในระยะยาวได้ ว่าหุ้นตัวนั้น ที่ลงทุนไป มีโอกาสในการเติบโตในอนาคตได้หรือไม่ ซึ่งถ้าหากมีโอกาสเติบโต ก็ควรจะถือต่อ และถ้าหากขาดทุน ก็จะขายออกไปในจังหวะที่เหมาะสม เพื่อรับผลกำไร

ที่มา: Philip Arthur Fisher [1]

หลักการในการลงทุน ในหุ้นที่เติบโตของฟิลิปนั้น มีวิธีการดูอย่างไร

หลักการในการลงทุนในหุ้นที่เติบโตนั้น มีวิธีการดูหุ้น หรือบริษัทนั้น ๆ โดยการดูการเติบโตในระยะยาว กล่าวคือ ฟิลิปนั้น จะดูที่การลงทุน ว่าบริษัทนั้น ๆ ที่จะลงทุน ผู้ลงทุนมีการเน้นการซื้อหุ้น เพื่อเก็บผลกำไรในระยะยาว หรือเน้นในการเก็งกำไรการซื้อขาย และมีการวิเคราะห์ธุรกิจอย่างละเอียด

ซึ่งในรูปแบบของฟิชเชอร์นั้น จะให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์พื้นฐานของหุ้น และบริษัทนั้น ๆ เป็นอย่างมาก จึงทำให้การศึกษาหุ้น หรือบริษัทที่เราจะไปลงทุนนั้น ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งความสามารถในการแข่งขัน การบริหารจัดการ และพนักงานภายในบริษัท หรือผู้บริหารนั่นเอง

เพราะว่าการเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ ในรูปแบบของฟิชเชอร์นั้น จะเน้นให้คนลงทุนกับหุ้นที่มีความโดดเด่น และมีอัตราการแข่งขันที่สูง โดยจะรอเลือกซื้อหุ้น ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งการซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสมนั้น ก็เปรียบเสมือนกับการประเมินตัวเอง ว่ามีศักยภาพในการลงทุนมากน้อยเพียงใดนั่นเอง

วิธีในการดูบริษัท ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาวของฟิลิป ทำอย่างไร

สำหรับวิธีในการคัดเลือกบริษัท ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว ของฟิลิป จะเลือกจากบริษัทที่มีโอกาสเติบโต และแนวคิดในการลงทุน แบบระยะยาว ที่จะให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ และคงที่ โดยวิเคราะห์จากศักยภาพพื้นฐาน ของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีโอกาสเติบโตได้หรือไม่ โดยการคัดเลือกนั้น

จะดูที่ความสามารถในการบริหารจัดการ ของผู้บริหาร ว่ามีวิสัยทัศน์อย่างไร และมีความซื่อสัตย์ หรือความสามารถในการวิจัย และพัฒนา ในการพัฒนา r&d ที่จะช่วยทำให้บริษัท มีข้อได้เปรียบ ในการสร้างนวัตกรรม ที่จะช่วยให้ได้เปรียบคู่แข่งอย่างไร นอกจากนี้ ฟิลิปยังดูที่ความสามารถในการขาย

และความสามารถในตลาด โดยการมองจากยอดขายภายในตลาด และส่วนแบ่งของรายได้ ในแนวโน้มในนวัตกรรม และการเติบโตของบริษัท ว่าต้องมีการพัฒนานวัตกรรมอยู่เสมอ เพื่อทำให้เกิดสิ่งใหม่ ๆ ที่จะได้เปรียบคู่แข่งหรือไม่อีกด้วย

ที่มา: Philip Arthur Fisher [2]

วิธีในการดู ผู้บริหารของบริษัท ว่ามีความซื่อสัตย์หรือไม่

ลงทุนแบบ Philip Arthur

สำหรับวิธีในการดูผู้บริหารของบริษัทต่าง ๆ ว่ามีอุปนิสัยเป็นอย่างไร และมีวิสัยทัศน์ ในการทำงานเป็นอย่างไร เพื่อที่จะช่วยทำให้สามารถคัดกรอง ผู้ที่มีความสามารถ และผู้ที่มีความคิด ในการพัฒนาบริษัท เพื่อผลกำไร และอัตราการเติบโตของสินค้า หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในท้องตลาด ซึ่งการพิจารณา

ถึงพฤติกรรม หรืออุปนิสัยนั้น จะมีวิธีการดู โดยการสังเกตพฤติกรรม ในการทำงาน และการตัดสินใจ ของผู้บริหาร ว่ามีการตัดสินใจที่เด็ดขาด หรือมีการตัดสินใจ ที่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่อย่างไร รวมถึงมีการตรวจสอบข้อมูลรายได้ ของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนอีกหรือไม่

พร้อมทั้งมีการตรวจสอบพฤติกรรม การทำงานของพนักงานด้วยเหมือนกัน ว่ามีการใช้อำนาจในตำแหน่งนั้น ๆ เกินไปหรือไม่ อย่างไร และที่สำคัญ ยังควรที่จะตรวจสอบว่า มีการจัดแจงงบประมาณของบริษัท และรายรับรายจ่ายที่ชัดเจน และได้รับฟังความคิดเห็น ของส่วนรวม หรือไม่ด้วย เป็นต้น

ที่มา: What Are the 12 Ethical Principles for Business Executives [3]

How to วิธีในการดู บริษัทที่ จัดการเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากแนวคิดของฟิลิป การจะพิจารณาว่าหลักการพื้นฐานของบริษัทนั้น ๆ มีความสามารถทำกำไรได้ ในอนาคตหรือไม่นั้น ผู้ลงทุนควรที่จะต้องดูการลงทุนระยะยาว ว่าบริษัทนั้น ๆ ที่จะลงทุนมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองหรือไม่ เพราะการที่บริษัทนั้น ๆ เป็นบริษัท ที่มีการจัดการเงินทุน

ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น คือการบอกเป็นนัยว่าบริษัทนั้น ๆ มีอัตราเติบโตที่สูง และมีสินค้าออกใหม่อยู่เสมอ ทำให้สามารถพิจารณาเงินทุนของบริษัท และสภาพคล่องของการเงินในบริษัท ซึ่งในที่นี้จะหมายถึง การที่บริษัท สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่มีผู้ลงทุน ที่จะเป็นจุดแสดงให้เห็นว่าบริษัทนั้น ๆ

เป็นบริษัทที่แข็งแกร่งหรือไม่อีกด้วย ทั้งนี้ยังพิจารณาจากพนักงาน และผู้บริหารภายใน ว่าสามารถจัดการกับปัญหาได้มากน้อยเพียงใด ที่สำคัญยังมีการจัดการรายได้ ที่ชัดเจนมีความโปร่งใส หรือไม่ ซึ่งวิธีนี้ ก็ถือเป็นหนึ่งในวิธี ที่ช่วยให้ผู้ลงทุน สามารถรอดจาก Bernie Madoff ปีศาจนักลงทุน ได้อีกด้วย

How to วิธีในการวิเคราะห์ความสามารถของบริษัทใหม่ ๆ

สำหรับวิธีในการวิเคราะห์ ความสามารถของบริษัทใหม่ ๆ คือวิธีการวิเคราะห์การขยายตลาด ของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีโอกาสที่จะเติบโต ในตลาดมากขึ้น หรือน้อยลงอย่างไร ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยทำให้สามารถมองบริษัท ที่กำลังลงทุนอยู่นั้น ว่ามีศักยภาพ ในการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภค

ออกมาได้หรือไม่ ซึ่งการวิเคราะห์ตลาด และคู่แข่ง ก็จะช่วยทำให้มองเห็นศักยภาพ ในการลงทุนของบริษัทได้อีกด้วยว่า บริษัทนั้น ๆ มีการมองคู่แข่ง และตัวเองหรือไม่ เพราะการมองคู่แข่ง และการมองตนเอง เป็นเหมือนกับการทบทวนข้อบกพร่อง หรือจุดเด่น และจุดด้อย ว่าเรามีสิ่งไหน

ที่ต้องแก้ไขอย่างไร ซึ่งการวิเคราะห์นี้ รวมไปถึงการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค และประชากรกลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งติดตาม และประเมินผล จากการวัดประสิทธิภาพ จากกลยุทธ์ที่ใช้ และมีการปรับปรุงการใช้งานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการวัดศักยภาพ ในการขาย และการโฆษณาต่าง ๆ เช่นกัน

ลงทุนแบบ Philip Arthur กับบทสรุป

ลงทุนแบบ Philip Arthur

สรุป ลงทุนแบบของ Philip Arthur จะเป็นการลงทุน ในหุ้นระยะยาว ซึ่งจะต้องลงทุน ในบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ และลงทุนในบริษัท ที่มีศักยภาพในการพัฒนาตนเอง ซึ่งจากปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้การลงทุนนั้น ๆ มีความเสี่ยงที่น้อย เพราะจากการเข้าใจในบริษัท ที่กำลังลงทุนนั่นเอง

อุปสรรคใดบ้าง ที่อาจจะขัดขวางการเติบโตของบริษัทนั้น ๆ

อุปสรรคที่จะทำให้บริษัทนั้น ๆ เติบโตได้แก่ กลุ่มผู้บริหาร และพนักงาน เพราะผู้นำที่ไม่มีประสิทธิภาพ จะทำให้ระบบการทำงานไม่ดี และยังทำให้มีการขาดการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ซึ่งอาจทำให้การบริหารเงินทุน มีความคลาดเคลื่อน และอาจจะเป็นอุปสรรคใหญ่ ในการขัดขวางการเติบโต ของบริษัทอีกด้วย

การถือหุ้นแบบ 5-10 ปี ในความคิดของฟิลิป คืออะไร

สำหรับการถือหุ้นในระยะยาวนั้น ก็ถือว่าเป็นข้อดีอย่างหนึ่ง แต่ถ้าหากถือนานเกินไป ก็จะทำให้เกิดการเสียโอกาส ในการที่จะได้กำไร หรือเงินทุนคืน ในความคิดของฟิลิปเช่นกัน เพราะฟิลิปนั้นมักจะแนะนำให้ผู้ลงทุนนั้น ถือหุ้นในระยะยาว แต่ก็ต้องถืออย่างมีสติ และติดตามตลาดอยู่เสมอเช่นกัน

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง