วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์ ที่มือฉมังต้องจับตามอง

วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์

วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์ เป็นวิกฤติสินเชื่อ ที่ด้อยคุณภาพ ที่ทำให้ตลาดสินเชื่อในโลก และสหรัฐอเมริกา มีความน่าเชื่อถือ ที่ลดลง ทำให้เกิดวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งเกิดจากความซบเซา ของอสังหาริมทรัพย์ ในอเมริกา ทำให้มีอัตราเงินกู้ที่สูง และมีอัตราดอกเบี้ยสูง จึงส่งผลต่อคนในอเมริกา

  • อธิบายความหมายของวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์
  • แนะนำเทคนิคและวิธีการลงทุน ในวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์
  • ชี้ปัญหา และวิธีแก้ ที่ทำให้เกิดวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์

วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์ คืออะไร

ในประเทศไทยวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ มักจะถูกเรียกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เป็นวิกฤตที่สะเทือน ต่อระบบสินเชื่อของตลาดอเมริกา ที่ส่งผลกับตลาดโลก เพราะอเมริกาถือครองตลาดโลก สูงกว่าประเทศอื่น ๆ ทำให้ถ้าตลาดอเมริกาล้ม จะส่งผลต่อประเทศที่ ร่วมตลาดกับอเมริกา และคนในประเทศอเมริกา

ก็จะได้รับผลกระทบนี้ เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีอัตราเงินกู้ ภายในประเทศ ที่สูงขึ้น ประกอบกับอัตราดอกเบี้ย ที่สูงขึ้น จึงทำให้มีคนล้มละลาย จากผลกระทบนี้ จนต้องขายบ้าน ขายรถ ขายทรัพย์สินส่วนตัวไป ทำให้เกิดคนล้มละลายอยู่ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีการเก็งกำไรบ้านกันมากขึ้นอีกด้วย

เพราะอัตราดอกเบี้ย ที่มีราคาสูงขึ้นนั้น จึงทำให้มีคน สามารถเก็งกำไร กับราคาบ้านกันมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการผิดนัด ในการชำระหนี้สูง จึงทำให้สหรัฐอเมริกา ขาดเงินหมุนเวียนอย่างหนัก เพราะฉะนั้นก่อนการลงทุนกู้ หรือลงทุนอื่น ๆ ผู้กู้ควรมี การลงทุน แบบกระจายความเสี่ยง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้วย

บริษัททางการเงินต้องทำอย่างไร ให้หนี้ซับไพรม์ มีความน่าลงทุน

สำหรับการทำให้สินเชื่อ กลับมามีความน่าเชื่อถือนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงทำให้เป็นความท้าทาย ของบริษัททางการเงินเป็นอย่างมาก แต่สามารถทำได้ โดยวิธีการปรับปรุงคุณภาพสินเชื่อ สร้างความโปร่งใส ให้กับผู้ลงทุน และทำการบริหารความเสี่ยง ให้เหมาะสม โดยที่บริษัททางการเงินนั้น

ยังสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับผู้ลงทุนได้ โดยการจัดแจงระบบทางการเงิน ให้มีความชัดเจน และคัดกรองผู้ลงทุน ที่มีความเสี่ยงด้านการลงทุนต่ำ จึงจะสามารถดึงดูดใจนักลงทุน ให้มาลงทุน กับบริษัททางการเงินนั้น ๆ ในตลาดอเมริกา ได้มากขึ้น และจะทำให้สามารถบริหารความเสี่ยง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งความจำเป็น ในการสร้างความน่าเชื่อถือเพิ่มเติม และการบริหารอย่างโปร่งใสชัดเจน มีการคัดกรองผู้ลงทุน ทำให้ตลาดอเมริกา มีสภาพคล่องทางการเงิน ที่ดีขึ้น และสามารถเปิดรับนักลงทุน ที่จะมาลงทุนได้มากขึ้นเช่นกัน

ที่มา: The Sup Prime Crisis [1]

มีสัญญาณเตือนอะไรไหม ที่นักลงทุนมักมองข้ามในวิกฤตซับไพรม์

สัญญาณเตือนนักลงทุน ก่อนเกิดวิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์ มักจะมีข้อถกเถียงว่า ก่อนที่จะเกิดวิกฤตนี้นั้น มีสัญญาณเตือนอะไรบ้างไหม ก่อนที่จะเกิดวิกฤตนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนนั้น ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ซึ่งมีปัจจัยของราคา ของสินทรัพย์ ที่ก่อตัวสูงขึ้น เกินกว่าราคาจริง

ซึ่งสัญญาณเตือน ที่นักลงทุนมองมักจะข้ามไป คือ (subprime loans) หรือการเติบโตของสินเชื่อ ที่สูงขึ้นเกินจริง ทำให้มีผู้ค้าบางราย ตั้งราคาของสินทรัพย์สูง กว่าราคาจริง โดยที่นักลงทุนนั้น ก็ไม่ได้มองถึงประเด็นในตรงนี้ จึงทำให้มีการปล่อยสินเชื่อ โดยไม่ระมัดระวัง และได้กลายเป็นผลกระทบ ฟองสบู่แตก

ที่ส่งผลทำให้ผู้กู้ หรือผู้ให้กู้นั้น ได้รับความเดือดร้อน จากการที่ตลาด มีความผันผวนของราคา ที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ราคาดอกเบี้ยนั้น มีราคาสูงกว่าเงินต้น บวกกับการที่นักลงทุนนั้น เลือกมาลงทุนน้อยลง ทำให้ประเทศอเมริกา ขาดสภาพคล่องทางการเงิน

ที่มา: เรียนรู้จากวิกฤต: สรุป Subprime Crisis 2008 แบบเข้าใจง่าย [2]

ความเสี่ยงแบบซับไพรม์ ยังมีอยู่ในตลาดปัจจุบันหรือไม่

วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์

จากปัญหาวิกฤตซับไพรม์ ในปี 2008 อาจทำให้มีความเสี่ยงรูปแบบนี้ เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันอยู่บ้าง แต่อาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงทำให้คน ไม่ได้มองดูในจุดนี้มากนัก แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ ถ้าหากมีนักลงทุน ทำแบบนี้เป็นจำนวนมาก

เพราะแม้ในปัจจุบัน จะมีการควบคุมกฎ ของการปล่อยสินเชื่อ ในรูปแบบที่ไม่เหมาะสมออกไป แต่ก็ยังมีผู้ลงทุน หรือผู้กู้บางราย ที่อาจไม่ทราบถึงความเสี่ยงรูปแบบนี้ ทำให้อาจเกิดวิกฤต ฟองสบู่แตก เกิดขึ้นอีกครั้ง ในอนาคตก็เป็นได้

ซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับในยุคปัจจุบัน ได้โดยวิธีการปล่อยสินเชื่อ ที่ไม่เหมาะสม และการที่ผู้ปล่อยสินเชื่อนั้น ๆ ไม่ได้คัดกรอง ผู้ที่มีความสามารถ ในการชำระเงินกู้ จึงทำให้อาจมีการผิดชำระหนี้เกิดขึ้น และการปล่อยเงินกู้ที่สูงเกินไป อาจทำให้เสี่ยงขาดดุล ทางการเงินเป็นอย่างมาก

ที่มา: The Sup Prime Crisis [3]

วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์นั้น ส่งผลอย่างไรต่อเศรษฐกิจโลก

ภายในวิกฤตนี้ ส่งผลต่อตลาดเศรษฐกิจโลก เป็นอย่างมาก ทำให้มีหลายประเทศ ที่ได้รับผลกระทบ จากวิกฤตินี้ โดยเฉพาะประเทศอเมริกา ที่มีการปล่อยสินเชื่อ ที่มีราคาสูงเกินจริง และมีการตั้งราคาของสินทรัพย์ ภายในประเทศที่สูงมากขึ้น จึงทำให้เกิดวิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์นั้น ทำให้อัตราการจ้างงาน

ภายในประเทศ และภายนอกประเทศนั้น มีอัตราการจ้างงาน ที่ลดลง จากภาวะถดถอยของเศรษฐกิจ เช่น ผู้จ้างนั้น ไม่มีเงินจ้างพนักงาน เพราะราคาสินค้าต่าง ๆ ของตลาดโลกนั้น มีราคาที่สูงขึ้น ทำให้ความต้องการของสินค้าต่าง ๆ ก็มีจำนวน ที่ลดลงด้วยเช่นกัน

ผลกระทบนี้ ทำให้การเงิน ของบริษัททางการเงินหลายบริษัท ต้องไปพึ่งรัฐบาลเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ส่งผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจภายในประเทศนั้น ๆ และมีความน่าเชื่อถือ ที่ลดลงไปด้วย เพราะการขาดดุล ทางการเงิน ของบริษัท จึงทำให้นักลงทุนนั้น เข้ามาลงทุนน้อยลง

มีข้อผิดพลาดใดเกิดขึ้นใน วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์หรือไม่

ภายในวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์นั้น มักมีข้อผิดพลาดใดบ้าง ที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบ ทำให้ตลาดเศรษฐกิจทั่วโลก เกิดภาวะฟองสบู่แตก และส่งผลกระทบ แก่ผู้ที่อาศัยในประเทศ เพราะการขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงทำให้มีอัตราการจ้างงาน ที่ลดต่ำลง ทำให้คนในประเทศนั้น ๆ ตกงาน

และไม่มีเงินในการดำรงชีวิต เพราะการปล่อยสินเชื่อ ที่มีการคัดกรองต่ำ จากเหตุการณ์นี้ ทำให้บริษัททางการเงิน ไม่ได้มีการคัดกรอง ผู้ที่กู้สินเชื่ออย่างถี่ถ้วน ทำให้ผู้กู้ในบางรายนั้น มีการผิดชำระหนี้ และมีอัตราการชำระหนี้ที่ต่ำ อีกครั้งยังมีการเก็งกำไล ของอสังหาริมทรัพย์ ที่มีราคาเกินจริง

โดยไม่มีการตรวจสอบ จากข้อผิดพลาดเหล่านี้ จึงทำให้บริษัททางการเงิน ขาดความน่าเชื่อถือ ในการปล่อยสินเชื่อ และการคัดกรองผู้กู้สินเชื่อ จึงทำให้ตลาดไม่มีความน่าเชื่อถือ สำหรับนักลงทุนรายอื่น ๆ หรือรายใหม่ จึงทำให้มีแต่เงินออก ไม่มีเงินเข้า และเกิดวิกฤตนี้ขึ้นมา

วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์ กับบทสรุป

วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์

สรุป วิกฤตสินเชื่อ ซับไพรม์ คือการที่สถาบันทางการเงิน ให้สินเชื่อกับผู้ที่มีอัตราการใช้หนี้ให้ต่ำ ประจวบเหมาะกับการที่ราคาสินทรัพย์ มีการตั้งราคาที่สูงเกินจริง จึงทำให้บริษัททางการเงินนั้น ๆ ไม่มีเงินในการบริหารหมุนเวียน จึงส่งผลต่อเศรษฐกิจ และไม่มีการจ้างงานคนในประเทศนั่นเอง

นักลงทุน และบริษัททางการเงิน ได้รับบทเรียนอะไรบ้าง จากเหตุการณ์นี้

การที่วิกฤตนี้เกิดขึ้นนั้น ทำให้บริษัททางการเงิน ได้รับบทเรียน ในเรื่องของการคัดกรองผู้กู้ ว่าผู้กู้นั้น ๆ มีความสามารถ ในการผ่อนจ่ายชำระหนี้ มากหรือน้อยเพียงใด และมีการคัดกรองราคา ของสินทรัพย์ ที่ตั้งสูงกว่าราคาจริง เพื่อลดอัตราเงินจ่าย และทำให้มีความโปร่งใสทางการเงิน ที่มากขึ้น

หลังวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ มีการปฏิรูป ระบบการเงินอย่างไรบ้าง

หลังวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ มีการปฏิรูประบบทางการเงิน โดยวิธีการสร้างความโปร่งใส ให้กับผู้ลงทุนมากยิ่งขึ้น โดยสถาบันเงินได้ มีการเปิดเผยข้อมูล การเงินที่ถูกต้อง และมีการคัดกรองผู้กู้สินเชื่อ พร้อมทั้งบริหารความเสี่ยง โดยการสร้างกลไก ที่ให้หน่วยงานภาครัฐ เข้ามาช่วยเหลือลูกหนี้ ในการตัดสินใจ

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง