
สาเหตุ คนเกาหลี ถูกหลอกไปกัมพูชา และมุมมองที่เปลี่ยนไป
- Chono
- 27 views

สาเหตุ คนเกาหลี ถูกหลอกไปกัมพูชา ซึ่งเกิดมาจากหลายๆ ปัจจัย จนกลายเป็นแรงกระตุ้น ที่ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ เปลี่ยนมุมมองจากการเป็นผู้ให้ กลายเป็นผู้ที่บีบบังคับประเทศกัมพูชา และระงับงบประมาณในการช่วยเหลือ โดยมีสาเหตุมาจากแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งทางเราจะพาไปดูสาเหตุที่คนเกาหลีถูกหลอก ให้เข้าไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา
จากการสำรวจข้อมูล เกี่ยวกับรูปแบบการถูกหลอก ให้เข้าไปทำงานผิดกฎหมาย ในประเทศกัมพูชา จากการสัมภาษณ์เหยื่อที่รอดจากแก๊งสแกมเมอร์ เหยื่อรายแรกกล่าวไว้ว่า เห็นประกาศรับสมัครงานผ่านทาง Telegram เกี่ยวกับผู้ที่มีความสามารถด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเสนอเงินเดือนสูงถึง 8-15 ล้านวอน พร้อมที่พักอาศัยและอาหาร
เหยื่อรายที่สองกล่าวไว้ว่า ตนเคยทำงานในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม โดยได้รับข้อเสนอ ให้ดูแลเกี่ยวกับข้อมูล IT ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง แต่หลังจากที่บริษัทนั้นล้มละลาย และวีซาของเขาก็ถูกยกเลิก เขาถูกขายให้กับกลุ่มอื่น ในราคา 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นค่าตัวของเขาก็ถูกเพิ่มขึ้นเป็น 5,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบัน เหยื่อทั้งสองราย ยังอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตำรวจ ในฐานะพยานสำคัญ และอยู่ระหว่างการรอเดินทางกลับประเทศ ซึ่งพวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลี เร่งช่วยเหลือคนเกาหลีคนอื่นๆ ที่ยังถูกกักขัง และมีการประเมินว่า มีชาวเกาหลีไม่ต่ำกว่า 1,000 คน อาจถูกค้ามนุษย์ให้กับสถานที่แห่งนี้ และ 300-400 คน ที่มีการรายงานอย่างเป็นทางการ (16 ตุลาคม 2025) [1]
เหยื่อชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกหลอกให้ทำงานให้กับแก๊งสแกมเมอร์ ในประเทศกัมพูชา ได้เปิดเผยพฤติกรรมอันแสนโหดร้าย ที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำกับพวกเขา เช่น บางคนถูกทรมานด้วยการถอดเล็บ บางคนถูกตัดนิ้ว บางคนถูกทุบตีจนเสียชีวิต หรือใครที่ไม่สามารถทำงานได้ ก็จะถูกตัดอวัยวะไปขายให้กับตลาดมืด
และเหยื่อก็ได้บอกอีกว่า เหยื่อแรงงานชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกทรมาน และทำร้ายร่างกาย มีจำนวนการเสียชีวิตวันละคน และไม่ใช่แค่เหยื่อคนเกาหลีใต้เท่านั้น ยังมีเหยื่อที่มาจากประเทศอื่นๆ อีกหลากหลายเชื้อชาติ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย จีน และอินโดนีเซีย ซึ่ง ค้ามนุษย์กัมพูชา ล่าสุด เหยื่อบางรายถูกขายให้กับกลุ่มอาชญากรในประเทศกัมพูชา
สาเหตุหลักที่เหยื่อถูกบีบบังคับให้ทำงาน ให้กับเครือข่ายอาชญากรรม ในประเทศกัมพูชา เหตุผลที่หนึ่ง กลุ่มอาชญากรรมจำเป็นต้องใช้บัญชีธนาคารของพวกเขา เพื่อนำมาใช้ในการฟอกเงิน อีกหนึ่งเหตุผลก็คือ เพื่อให้พวกเขาทำงานหลอกลวงผ่านทางโทรศัพท์ โดยให้เหยื่อเหล่านี้ แชทกับกลุ่มเป้าหมาย ที่ต้องการหลอกเอาเงิน ซึ่งเหยื่อจะเป็นคนเกาหลีใต้ (14 ตุลาคม 2025) [2]
ข้อมูลจากทาง แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ประเมินว่า ศูนย์ที่ตั้งของแก๊งสแกมเมอร์ มีการกระจายตัวทั่วประเทศกัมพูชามากถึง 50 แห่ง ซึ่งสถานที่เหล่านี้ เป็นสถานที่ที่กฎหมายในประเทศ ไม่สามารถเข้าถึงได้ แทบจะเป็นพื้นที่ของกลุ่มอาชญากรรม ที่มีรูปแบบการปกครองตนเอง และมีเหยื่อจำนวนมาก ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานในสถานที่เหล่านี้
และจากข้อมูลสถิติของรัฐบาลเกาหลีใต้ ระบุไว้ว่า ภายในปี 2568 มีชาวเกาหลีใต้ ถูกลักพาตัวไปยังสถานที่กักขังเหล่านี้ ประมาณ 252 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับปี 2566 ที่มีการพบเหยื่อเพียง 17 ราย และข้อมูลสถิติในปี 2567 มีการพบเหยื่อเกาหลีใต้ ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานให้กับแก๊งสแกมเมอร์ 220 ราย
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าติดตาม หลังจากรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้เรียกร้องให้ตำรวจกัมพูชา ทำการสืบสวนสอบสวน หลังจากที่รู้ว่า มีชาวเกาหลีใต้ ทำถูกร้ายจนเสียชีวิต และในขณะเดียวกัน มีการตั้งข้อสงสัยว่า เครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ ที่มีการลักพาตัวผู้คน มาจากการสมรู้ร่วมคิดกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่กัมพูชา กับแก๊งอาชญากรรมจากจีน

การปกป้องเหยื่อผู้เสียชีวิต และความปลอดภัยของประชาชน เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาล ซึ่งทางประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ลี แจ มยอง ได้กล่าวเอาไว้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งกล่าวถึงกรณีการเร่งช่วยเหลือ และนำตัวเหยื่อชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกลวง และถูกลักพาตัวไปยังศูนย์สแกมเมอร์ หลังจากพบชายเกาหลีใต้เสียชีวิตในกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568
หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ ได้เริ่มเดินเกมเร็ว ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา และเร่งนำตัวเหยื่อชาวเกาหลีใต้ ที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์ รวมถึงกำหนดบางพื้นที่ในประเทศกัมพูชา ให้กลายเป็นเขตห้ามเดินทาง ที่คนเกาหลีใต้ไม่ควรเดินทางไปสถานที่ดังกล่าวอีกต่อไป
ปัญหาการถูกหลอก ให้ไปทำงานในศูนย์สแกมเมอร์ ที่มีสถานที่ตั้งในประเทศกัมพูชา กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในเกาหลีใต้ จากกรณีการเสียชีวิตของ ปาร์ค มิน โฮ ชายเกาหลีใต้วัย 22 ปี หลังจากเขาเดินทางไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งเขาได้บอกกับครอบครัวว่า ตนต้องเดินทางเพื่อไปร่วมงานนิทรรศการ
ประเด็นร้อนแรง ระหว่างความสัมพันธ์ของคนในประเทศเกาหลีใต้ และกัมพูชา ที่กำลังเผชิญมาถึงจุดเปลี่ยน หลังจากที่มีคนเกาหลีใต้ถูกหลอก และกลุ่มเกาหลีเทา ที่ปักหลักในประเทศกัมพูชา เพื่อทำธุรกิจผิดกฎหมาย มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้ ออกมาตอบโต้ ด้วยการระงับความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ
พันธสัญญา ODA ซึ่งทางรัฐบาลเกาหลีใต้ เปิดศึกกับรัฐบาลกัมพูชา เกี่ยวกับประเด็นแก๊งสแกมเมอร์ ที่ได้คุกคามพลเมืองของตนเอง มีรากฐานมาจากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการทูต ที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ เริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการทูต ตั้งแต่ปี 1970 ก่อนจะถูกตัดขาดในปี 1975 และกลับมามีความสัมพันธ์กันอีกครั้งในปี 1997
ต้องบอกเลยว่า กัมพูชาได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างมาก จากประเทศเกาหลีใต้ โดยเฉพาะโครงการพื้นฐานต่างๆ ได้แก่ โครงการด้านการศึกษา, การคมนาคม, ด้านพลังงาน, ด้านสาธารณสุข และด้านทรัพยากรน้ำ รวมไปถึง 11 โครงการ ที่เกี่ยวข้องกับลุ่มแม่น้ำโขง และยังมีแรงงานกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานถูกกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้อีก 40,000-50,000 คน
หลังจากการพบศพของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกพบว่าเสียชีวิตในจังหวัดกัมปอต ประเทศกัมพูชา ทางสำนักข่าว APK ได้รายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวจีน 2 คน ในสถานที่เกิดเหตุ และจับกุมผู้ต้องสงสัยอีก 1 คน หลังจากการตรวจค้น และบุกยึดสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการลักพาตัว และฆาตกรรมนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ (12 ตุลาคม 2025) [3]
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนถูกหลอก นั่นก็คือจำนวนเงินที่ถูกว่าจ้าง และรูปแบบของการทำงานผ่านระบบออนไลน์ เพราะคิดว่ามีความสะดวกสบาย แถมยังได้รับเงินค่าจ้างเป็นจำนวนมาก และการใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ผู้ใช้ควรมีสติ และคิดไตร่ตรองทุกครั้ง เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มอาชญากรรม และอาจถูกลักพาตัวไปกักขัง จนถึงถูกทำร้ายร่างกาย
แก๊งสแกมเมอร์ (Scammer) คือกลุ่มคนที่ใช้กลอุบาย ที่ล่อลวงผู้อื่น เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน เงินทอง หรือหลอกเอาข้อมูลส่วนตัว โดยจะมีรูปแบบหลอกลวงที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ การหลอกให้ร่วมลงทุน การหลอกให้ส่งรหัสผ่าน หรือหลอกให้รัก โดยส่วนใหญ่ กลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ จะใช้ช่องทางออนไลน์ในการหลอกลวงผู้อื่น
จากประเด็นแก๊งสแกมเมอร์ ที่มีการจับตามองจากผู้คนทั่วโลก ซึ่งทางสหราชอาณาจักร ได้ออกมาคว่ำบาตรบริษัท ที่อาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้ ได้แก่ Prince Group บริษัทที่มีชื่อเสียงทางด้านคาสิโน, Jin Bei Group บริษัทเกี่ยวกับธุรกิจสันทนาการและความบันเทิง และบริษัท Golden Fortune Resorts World Ltd. ที่อยู่เบื้องหลังศูนย์สแกมเมอร์ขนาดใหญ่

