
เปิดลิสต์ เกมปีนเขา steam การเดินทาง ไม่ใช่แค่หมุดหมาย
- Spawn
- 17 views
เกมปีนเขา steam คือหมวดเกมที่ไม่ได้ให้เราไล่ล่าความเร็ว หรือแย่งกันชนะ แต่ให้เราค่อย ๆ เข้าใจอะไรบางอย่างในใจตัวเอง ที่ไม่วัดว่าใครถึงยอดก่อน แต่เปิดพื้นที่ให้รู้ว่า เราอยากไปถึงยอดนั้นเพราะอะไร นี่คือลิสต์เกมที่รับรองว่าแต่ละเกม คือหมุดหมายเงียบของคนที่ยังอยากเดินกับตัวเองในจอเกม
Steam ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มขายเกมใหญ่ ๆ อย่างเดียว แต่กลายเป็นบ้านหลักของเกมอินดี้สายใจเย็นไปแล้วเรียบร้อย โดยเฉพาะแนวปีนเขา ที่ไม่ได้ต้องใช้กราฟิกเวอร์วัง หรือระบบอลังการ เกมเหล่านี้ต้องการแค่พื้นที่ให้คนเล่นได้ “หยุด” จึงทำให้ แพลตฟอร์มSteam ตอบโจทย์นั้นได้ตรงจุด
ด้วยระบบที่เข้าถึงเกมได้ง่าย ค้นหาแนวเฉพาะทางได้จริง และยังเปิดโอกาสให้เกมเล็ก ๆ จากนักพัฒนานอกกระแสได้เติบโตในแบบของตัวเอง นอกจากนี้ เกมแนวปีนเขาหลายเกมยังมีขนาดเบา สเปกไม่โหด และราคาจับต้องได้ ซึ่งทำให้คนที่ไม่ได้มีพีซีแรง ๆ หรือไม่ได้อยากจ่ายหนักก็สามารถเล่นได้สบาย ๆ
โดยในปัจจุบัน เกมแบบนี้มักมาพร้อมฟีเจอร์เสริมอย่างคอนโทรลเลอร์รองรับ / Steam Cloud / และระบบ achievement ที่ไม่เน้นแข่งแต่เน้น “เก็บไว้เป็นความทรงจำ” ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ แพลตฟอร์มสตรีม ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มขายเกม แต่เป็นเส้นทางปีนเขาแบบช้า ๆ ที่ใครก็เข้าไปได้ [1]
ถ้าเกมทั่วไปคือสนามแข่ง เกมปีนเขาในSteam ก็เหมือนเส้นทางเดินป่าเงียบ ๆ ที่ไม่มีใครบอกว่าต้องไปถึงเมื่อไหร่ แนวเกมนี้ไม่ได้วัดทักษะการกดปุ่ม ไม่ได้มีศัตรูให้สู้ และไม่มีรางวัลใหญ่ให้ไขว่คว้า แต่มันวัดว่าเราจะอยู่กับจังหวะได้แค่ไหน
ซึ่งอาจฟังดูง่าย แต่คนจำนวนมาก กลับรู้ตัวว่าใจไม่เคยนิ่งพอจะอยู่ในจังหวะแบบนี้เลย ซึ่งความพิเศษของเกมแนวปีนเขาในสตรีม คือมันถูกออกแบบมาให้เงียบพอที่เราจะได้ยินเสียงในหัวตัวเอง มันคือแนวที่ไม่ได้เล่าเรื่องด้วยบทพูด แต่ให้เราตีความจากความนิ่งและระยะทางแทน
และนั่นแหละ คือเหตุผลที่เกมแนวนี้ไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน แม้ภาพจะช้า เนื้อเรื่องจะน้อย แต่การปีนเขาในโลกเกมกลับกลายเป็นแบบทดสอบใจที่เข้มข้นแบบที่ใครไม่เคยชินกับความเงียบ อาจรู้สึกอึดอัดกว่าเกมที่มีบอสให้สู้ด้วยซ้ำ เพราะศัตรูเดียวในเกมนี้ คือเสียงในใจเราล้วน ๆ
ในปี 2025 เกมเมอร์เริ่มเปลี่ยนความต้องการจาก “เกมที่เก่งแล้วชนะ” เป็นเกมที่เล่นแล้วรู้สึกบางอย่างมากขึ้น เกมแนวปีนเขาจึงเข้ามาในจังหวะที่พอดี เพราะมันไม่ได้เร้าอารมณ์ แต่ค่อย ๆ ดึงให้เรากลับมาอยู่กับตัวเอง ผ่านวัตถุรอบตัวและจังหวะการปีนขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าปลายทางมีอะไรรออยู่
กระแสของเกมแนวนี้ เติบโตขึ้นแบบเงียบ ๆ จากรีวิวของผู้เล่นที่แชร์ความรู้สึกหลังเล่น มากกว่าการโฆษณา หลายคนบอกว่าแค่ได้เล่น Jusant ตอนเลิกงาน หรือเปิด Insurmountable ระหว่างคืนฝนตก ก็เหมือนได้พักใจ ในวันที่ไม่อยากทำอะไรเลย และนั่นคือความรู้สึกที่เกมแนวแอ็กชันให้ไม่ได้
ในโลกที่ทุกอย่างแข่งกันเร็ว เกมแนวปีนเขาจึงไม่ต้องแข่งกับใครเลย เพราะมันไม่ได้เกิดมาเพื่อขึ้นอันดับชาร์ต แต่มันอยู่ในใจคนที่ต้องการที่ว่างเล็ก ๆ และในปี 2025 ที่ผู้คนรู้สึกแน่นเกินพออยู่แล้ว เกมพวกนี้ก็เลยไม่ต้องพูดเยอะ แค่เปิดเกม ก็เหมือนได้เดินออกจากเสียงดังรอบตัวไปโดยอัตโนมัติ
สำหรับ เกมปีนเขาในSteam มีให้เลือกหลายแนว ตั้งแต่สายสงบเน้นบรรยากาศ ไปจนถึงสายหัวร้อนแบบ roguelike ที่ปีนพลาดนิดเดียวอาจร่วงจากยอด แต่เสน่ห์ของพวกมันกลับไม่ใช่ความสูงหรือความยาก แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นความคิด คำถาม หรือความรู้สึกที่ไม่ได้มาจากบทพูด [2]
ในลิสต์นี้ คัดมา 6 เกมตัวแทนจากสองขั้วอารมณ์ ฝั่งหนึ่งคือเกมสายลึกที่เงียบจนเรารู้สึกได้ถึงเสียงในใจ ส่วนอีกฝั่งคือเกมที่เน้นระบบ gameplay ท้าทาย ที่แม้จะหัวร้อนได้ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับการพยายามอีกครั้งได้ชัดเจนขึ้น ลองดูว่าแนวไหนใช่สำหรับนาย แล้วค่อยค่อย ๆ ปีนไปด้วยกัน
เริ่มต้นไปกับ เกมแนวปีนเขา ผจญภัย สำหรับสายเงียบ ที่จะไม่ได้พาเราไปสู่ยอดเขาในแผนที่ แต่มักพาเราไปไกลกว่าแค่นั้น ไปสู่ความรู้สึกที่ลึกลงในใจตัวเอง
เกมเหล่านี้ไม่ได้เล่าเรื่องตรง ๆ แต่ใช้ธรรมชาติ ความเวิ้งว้าง และการปีนแบบไม่มีจุดมุ่งหมายชัดเจน เพื่อปล่อยให้เราค่อย ๆ ตีความเองผ่านแต่ละจังหวะที่หยุด หายใจ หรือหลงทาง
สิ่งที่น่าสนใจคือ เกมเหล่านี้ไม่พยายามเร้าอารมณ์ ไม่ใส่ดนตรีสะเทือนใจหรือบทพูดซึ้ง ๆ แต่ใช้เพียง “เงียบ” กับ “พื้นที่ว่าง” เป็นตัวพาเราไปสู่สิ่งที่ใหญ่กว่าบทสรุปในเกม นั่นคือบทสนทนากับตัวเอง ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนอาจได้ยินเสียงต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ในชีวิตจริงขณะเล่น
ตรงข้ามกับเกมสายช้าเงียบที่พาใจนิ่ง เกมปีนเขาสาย roguelike กลับเลือกจะ “เขย่าใจ” ทุกวินาทีที่กดปุ่มผิด เกมพวกนี้ไม่ปล่อยให้เราเดินเรื่อย ๆ แต่บังคับให้ทุกจังหวะคือการตัดสินใจ จะเกาะตรงไหน จะวางเท้ายังไง หรือจะปีนเส้นทางไหนก่อน
เกมแนวนี้เน้นว่า “ปีนพลาดได้ แต่ต้องเรียนรู้ให้ไว” และทุกการเริ่มต้นใหม่ มักจะพาเราไปไกลกว่าเดิม แม้มันจะมีระบบ gameplay ชัดเจนกว่าแนว flow-based แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเรื่องเล่า ตรงกันข้าม เกมพวกนี้เล่าเรื่องผ่านการตัดสินใจซ้ำ ๆ และความเฟลของผู้เล่นเอง
ทำให้ระหว่างการเล่น ยิ่งล้ม ยิ่งร่วง เรากลับยิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่เราต้องเอาชนะ ไม่ใช่ฉาก หรือระบบ แต่คือตัวเองในร่างที่ใจร้อนเกินไปต่างหาก กับเกมต่อไปนี้
นี่ไม่ได้เป็นแค่หมวดเกมเฉพาะทางของสายอินดี้ แต่กลายเป็นพื้นที่เงียบ ๆ ที่ผู้เล่นยุคใหม่ใช้พักใจจากโลกที่เร่งเกินพอดี ที่มีพลังบางอย่างที่อยู่ในความช้าและความเงียบ ที่เราไม่ค่อยได้พบในเกมอื่น ๆ และนั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมการปีนเขาในเกม ถึงไม่ได้วัดกันที่ยอด แต่วัดกันที่ “ใจ” ตลอดทาง
เกมปีนเขาอาจไม่มีศัตรู ไม่มีแรงกดดันจากแรงค์ แต่ความท้าทายของมันซ่อนอยู่ในความนิ่ง และการควบคุมตัวเองในจังหวะที่ไม่ใช่ของเรา ถ้าคุณเป็นคนใจร้อน เกมแนวนี้อาจไม่ตอบสนองทันทีแบบเกมยิงเร็ว ๆ แต่ถ้าคุณให้เวลากับมันสักหน่อย คุณอาจเจอความท้าทายแบบใหม่ ที่จะวัดว่าใจเราพร้อมแค่ไหน
ถ้าเพิ่งเริ่ม อยากให้ลองเริ่มจาก Jusant หรือ New Heights เพราะทั้งสองเกมไม่ยากเกินไป แต่ชัดในฟีล เกมแรกเหมือนสมาธิเคลื่อนไหว ส่วนเกมหลังเหมือนปีนจริงแบบไม่กดดัน ถ้าอยากลองอะไรที่มีระบบจัดการหน่อย ๆ Insurmountable ก็เป็นจุดเริ่มที่ดี
แต่ถ้าอยากปีนแล้วขำ หัวร้อนเล็ก ๆ แบบเกมสายเล่นกับฟิสิกส์ ก็ต้องลอง Surmount เพราะเกมปีนเขาไม่มีคำตอบเดียว มีแต่ทางที่เราเลือกปีนในแบบของตัวเอง