ป้ายยา เกมแนวปีนเขา ผจญภัย มีอะไรบ้าง ที่สาย chill ต้องจัด

เกมแนวปีนเขา ผจญภัย

เกมแนวปีนเขา ผจญภัย เป็นเกมที่ไม่ได้ท้าทายความสูง แต่ท้าทายความนิ่งในใจมากกว่า อาจไม่ต้องแข่งกับใคร แต่ให้เราได้อยู่กับตัวเองในแต่ละก้าวที่ค่อย ๆ เดินขึ้นเขา เกมแนวนี้จึงไม่ใช่แค่การเล่น เรียกได้ว่ามันคือ การใช้เวลาทบทวน ระหว่างการกระโดด การหยุดพัก หรือแม้แต่การล้มแล้วปีนใหม่ก็ตาม

  • ทำความรู้จักเกม แนวปีนเขาผจญภัย
  • ทำไม เกมปีนเขาผจญภัย ถึงฮิตในวงการเกม
  • ป้ายยา 6 เกมแนวปีนเขาผจญภัย ที่น่าสนใจ

รู้จักกับ เกมแนวปีนเขา ผจญภัย คือแนวไหนกันแน่

เกมแนวปีนเขาผจญภัย คือประเภทเกมที่ไม่ได้สร้างมาเพื่อทดสอบทักษะความเร็ว หรือแข่งกับใคร แต่ถูกออกแบบมาให้เราสัมผัส “ความสูง” แบบลึก ๆ ทั้งในเชิงภูเขาและในใจ มันเป็นแนวที่พาผู้เล่นก้าวช้า ๆ ไปกับเรื่องราว หรือบางทีก็ไม่มีเรื่องราวให้เล่าเลย นอกจากแค่ “เรากับภูเขา” เท่านั้นเอง 

โดยเสน่ห์ของมันอยู่ที่ความนิ่ง ความเวิ้งว้าง และความรู้สึกว่าแต่ละก้าวที่ปีนขึ้นไป เราไม่ได้แค่ไปถึงยอด แต่เหมือนได้ปล่อยใจทิ้งไว้ตรงทางเดินด้วย

ปีนเขาในโลกจริง กลายเป็นเสน่ห์ของ เกมเล่าเรื่องผ่านภูเขาได้ยังไง

เกมแนวปีนเขา ผจญภัย

การปีนเขาในโลกจริง ไม่ใช่แค่กิจกรรมผจญภัย แต่มันมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกมาก ทุกย่างก้าวคือตัวแทนของการเอาชนะอุปสรรค ความเหนื่อยล้า และการต่อรองกับตัวเองระหว่างทาง นั่นทำให้เมื่อถูกนำมาใส่ในเกม จนไม่ได้ถูกมองเป็นแค่ “กีฬากลางแจ้ง” อีกต่อไป

แต่กลายเป็นโครงสร้างของ การเล่าเรื่องที่ใช้ภูเขาแทนอารมณ์ หรือภาวะของตัวละครไปเลย นอกจากนี้ ตัวเกมยังมักไม่ยัดเยียดคำบรรยาย หรือเสียงเล่า แต่ปล่อยให้เราค่อย ๆ เข้าใจความหมายของการเดินทางผ่านบรรยากาศ เส้นทาง หรือแม้แต่การล้ม การหยุดพัก หรือการหลงทาง 

เรียกได้ว่าเสน่ห์แบบนี้ คือสิ่งที่เกมแนวอื่นให้ไม่ได้ และกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้แนว “ปีนเขาเล่าเรื่อง” กลายเป็นหมวดที่คนอินแบบเงียบ ๆ แต่ลึกมาก [1]

เจาะลึก เกมปีนเขาผจญภัย ต่างจากเกมฮิตในยุคที่ทุกอย่างวิ่งเร็วยังไง

ในยุคที่เกมส่วนใหญ่เร่งเร้าให้เรากดไว เคลื่อนไหวเร็ว และอัปเกรดทุกวินาที เกมแนวปีนเขาผจญภัยกลับเลือกจะ “เบรก” ทุกอย่าง แล้วปล่อยให้เราทำความรู้จักกับจังหวะของตัวเองแทน เกมแบบนี้ไม่ได้ให้โบนัสหรือคะแนนถ้าเราปีนไว แต่มันวัดว่าเราจะอยู่กับเส้นทางได้อย่างไร แม้จะไม่มีอะไรให้ตามล่า

ต่างจากแนว open world ที่เต็มไปด้วย mission pop-up, mini-map และของให้เก็บเต็มฉาก เกมปีนเขาผจญภัยมักถอดสิ่งเหล่านี้ออกหมด แล้วปล่อยให้ผู้เล่น หาทางเองด้วยใจ แล้วใช้ความรู้สึกเป็นเข็มทิศหลัก มันไม่มี map ช่วย ไม่มีลูกศรบอก มีแต่แรงใจ กับความสูงที่ไกลแค่ไหนก็ยังอยากปีน [2]

ความต่างสำคัญไม่ใช่แค่ระบบเกม แต่คือสิ่งที่มันให้ในเชิง “ความรู้สึกหลังเล่นจบ” เกมเร็วหลายเกมอาจทำให้เรารู้สึกเก่ง สนุก หรือสำเร็จ แต่เกมแนวปีนเขาให้เรารู้สึกว่า “เราได้ผ่านอะไรบางอย่างมาด้วยตัวเอง” แม้มันจะเป็นแค่ในจอ แต่ความรู้สึกนั้นดันติดใจเหมือนเพิ่งกลับจากทริปจริง ๆ

ทำไม เกมปีนเขาผจญภัย ถึงฮิตในยุคที่ทุกอย่างเร่งเร้า

ในโลกที่ชีวิตจริงเร่งจนแทบไม่มีเวลาให้หยุด เกมที่ไม่รีบกลับกลายเป็นของหายากแบบเงียบ ๆ เกมปีนเขาผจญภัยจึงเข้ามาเติมช่องว่างตรงนี้ได้พอดี เพราะมันไม่เร่ง ไม่ยัด ไม่แข่งขัน แต่มอบพื้นที่ให้เราได้ช้าลง ฟังเสียงหายใจของตัวละคร ฟังเสียงความคิดของตัวเอง และรู้สึกว่าไม่เป็นไรก็ได้ถ้ายังไม่ถึงยอด

หลายคนเริ่มเบื่อกับเกมที่แข่งกับเวลา แข่งกับแรงกดดันจากระบบจัดอันดับ หรือแม้แต่แข่งกับเพื่อนในปาร์ตี้ เกมปีนเขาผจญภัยเสนอทางเลือกใหม่ ทางที่ไม่มีใครมาแข่งกับคุณเลยนอกจากใจตัวเอง ทุกการปีนจึงกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย ที่เราจะล้ม จะหยุด จะหลง ก็ไม่มีใครว่าหรือกดดันให้รีสตาร์ทใหม่

นอกจากนี้ เกมแนวนี้ยังกลายเป็น “สมุดบันทึกแบบดิจิทัล” ให้ผู้เล่นได้รู้ว่าแต่ละวันเราเดินไปถึงไหน แม้จะไม่มีแอ็กชันหวือหวา แต่หลายเกมกลับทำให้ผู้เล่นรู้สึกเข้าใจตัวเองมากขึ้นระหว่างปีนโดยไม่มีคำพูดสักประโยค และนี่คือคำตอบว่าทำไมเกมที่ดูช้า กลับเดินเข้าไปอยู่ในใจของคนรุ่นนี้ได้แบบไม่รีบเลย

ป้ายยา 6 เกมแนวปีนเขา ผจญภัย ที่ปีนใจได้ไม่ต้องฝืน ที่น่าสนใจ

เกมแนวปีนเขา ผจญภัย

แม้ชื่อจะบอกว่า “เกมปีนเขา” แต่แต่ละเกมในลิสต์นี้มีอะไรมากกว่านั้น บางเกมใช้เส้นทางเพื่อเล่าเรื่อง บางเกมใช้แรงโน้มถ่วงเพื่อให้เรารู้สึกถึงการปล่อยวาง และบางเกมก็แค่พาเราไปเจอความเงียบที่ไม่อึดอัด แต่กลับฟังดูอบอุ่นเกินคาด 

ถ้าคุณกำลังมองหาเกมที่ไม่ได้เร่งให้เราชนะ แต่ให้เรา “อยู่” กับมันไปเรื่อย ๆ ลองดูเกมพวกนี้ก่อน ซึ่งทั้งหมดเป็น เกมแนวปีนเขาผจญภัย ที่ไม่จำเป็นต้องเคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อนก็สนุกได้ ขอแค่เปิดใจให้กับจังหวะช้า ๆ ที่อาจทำให้เราเห็นรายละเอียดที่เคยมองข้ามในชีวิต ด้วยเกมดังต่อไปนี้

  • Jusant : ปีนแบบไร้คำพูด เน้นบรรยากาศและ flow ที่ลื่นไหลจนเหมือนสมาธิ [3]
  • New Heights : จำลองการปีนผาแบบสมจริง ที่ต้องวางแผนทุกก้าว ท้าใจไม่แพ้ท่าทาง
  • Cairn : เกมเล็ก ๆ ที่เน้นเส้นทางชัน ความผิดพลาด และความสันโดษแบบ minimalist
  • PEAK : ปีนแบบ puzzle roguelike ที่ทุกยอดคือความท้าทายใหม่ ไม่มีเส้นทางซ้ำ
  • Insurmountable : ปีนเขาแบบวางแผน ผสมบอร์ดเกมและความเสี่ยงที่ต้องคิดก่อนก้าว
  • Surmount : ปีนแบบเฟลได้ ขำได้ กับฟิสิกส์แปลก ๆ ที่ทำให้ทุกการล้มคือเรื่องสนุก

การเล่าเรื่องผ่านภูเขาและการเดินทาง เสน่ห์ของความช้าชวนสัมผัส

เกมบางแนวใช้บทสนทนาใช้เสียงพากย์ แต่เกมปีนเขาผจญภัยหลายเกมกลับเลือกใช้ระยะทาง และความเงียบแทนคำพูด ทุกก้าวที่เดิน ทุกก้อนหินที่ปีน ล้วนเป็นการเล่าที่ซ่อนอยู่ โดยไม่ต้องบอกตรง ๆ ซึ่งกลับมีพลังมากกว่า เพราะผู้เล่นต้องตีความเอง รู้สึกเอง และคิดตามในแบบที่ไม่ซ้ำใคร

เส้นทางในเกมแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องมีจุดหมายที่ยิ่งใหญ่ บางเกมแค่ให้เราปีนจากตีนเขาไปยอดเขา แต่ระหว่างนั้น เราได้สัมผัสถึงอะไรบ้าง ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในความเงียบ ที่ถูกออกแบบมาอย่างมีจังหวะ ความช้าในเกมแบบนี้ จึงไม่ใช่จุดอ่อน แต่เป็นพื้นที่ให้ “ความรู้สึกจริง” ได้ค่อย ๆ ปรากฏตัว

สุดท้าย เกมพวกนี้ไม่ใช่แค่บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครในเกม แต่ยังชวนให้เราทบทวนเส้นทางของตัวเองในชีวิตจริงด้วย ว่าเรากำลังปีนอะไรอยู่ กำลังหลงทางตรงไหน หรือจริง ๆ แล้วเราแค่อยากพักกลางทางบ้างเท่านั้นเอง และนั่นคือสิ่งที่เกมแนวนี้มอบให้ โดยไม่ต้องมีเนื้อเรื่องให้จำสักบรรทัด

เกมแนวปีนเขาผจญภัย โดยสรุป

เกมแนวปีนเขาผจญภัย ไม่ได้เกิดมาเพื่อแข่งกับใคร หรือเร่งให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด แต่มันให้เราได้อยู่กับตัวเองอย่างเต็มที่ในระหว่างทาง คือโอกาสที่เราจะฟังเสียงในใจ นั่นแหละ คือเหตุผลที่เกมแนวนี้ยังคงอยู่ได้โดยไม่ต้องเป็นกระแส แต่มีที่ทางของตัวเองในใจผู้เล่นแบบเงียบ ๆ และลึกมากกว่าที่คิด

ใครบ้างที่เหมาะกับแนวนี้ และจะรู้ได้ยังไงว่าใช่สำหรับเรา ?

เกมนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่เร่ง ไม่แข่ง และชอบฟังเสียงเงียบ ๆ ของตัวเองระหว่างทาง ถ้าคุณรู้สึกว่าเกมที่เล่นอยู่เดี๋ยวนี้เหนื่อยเกินไป เกมแนวนี้อาจใช่แบบที่ไม่ต้องวิเคราะห์เยอะ ถ้าคำตอบคือใช่ นั่นคือสัญญาณแรกแล้วว่าคุณเจอเกมของตัวเองเข้าให้แล้ว

ปีนเขาในโลกเกม ไม่ได้แค่ทดสอบใจ แต่มีข้อคิดระหว่างทางจริงไหม

แม้เกมปีนเขาจะไม่มีบทสรุปชัด ไม่มีใครมาสรุปข้อคิดให้ตอนจบ แต่มันกลับแอบทิ้งบางอย่างไว้ตลอดเส้นทาง อย่างเช่น ความพ่ายแพ้ที่เราเลือกจะยอมรับแล้วเริ่มใหม่ ซึ่งมันอาจไม่ใช่ข้อคิดที่ฟังดูยิ่งใหญ่ แต่ถ้าใครเคยเล่นจนเงียบลงในใจ จะรู้ว่าเกมแบบนี้ไม่ต้องสอน เพราะมันทำให้เรารู้เองระหว่างทาง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง