แนะนำ Bloody Trapland เกมแมวติดกับดัก แนวอินดี้โหด ฮา ครบรส

แนะนำ Bloody Trapland

แนะนำ Bloody Trapland เกมที่โยนแมวลงไปในสนามที่เต็มไปด้วยกับดักสุดไร้ปรานี แล้วให้ผู้เล่นเป็นคนกำหนดชะตา ว่าจะรอดมั้ย ความโหดที่มาคู่กับความฮา ทำให้เกมเล็ก ๆ นี้กลายเป็นเรื่องเล่าของเพื่อนซี้ที่หัวเราะกันทั้งคืน และกลายเป็นชื่อที่ยังถูกพูดถึงในวงการเกมอินดี้จนทุกวันนี้

  • ทำความรู้จัก เกมBloodyTrapland
  • เจาะระบบเกมเพลย์ เกมแมวติดกับดัก
  • การพัฒนาเกมแมวติดกับดักสู่ตัวเกมภาคสอง

Bloody Trapland คือเกมอะไร ดังในสายอินดี้ได้ไง

สำหรับ Bloody-Trapland เป็นเกมแนว platformer อินดี้ ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 โดยสตูดิโอเล็ก ๆ อย่าง 2Play ก่อนจะกลับมาอีกครั้งกับ ภาค 2: Curiosity ซึ่งจุดเด่นของมันไม่ใช่แค่กราฟิกการ์ตูนแมวสุดน่ารัก แต่คือด่านที่เต็มไปด้วยกับดักสุดโหด ที่พร้อมจะฆ่าคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเวลาไม่กี่วินาที

สิ่งที่ทำให้เกมนี้ ดังในวงการอินดี้ คือ สมดุลระหว่างความโหดและความฮา คุณอาจตายเป็นพันครั้ง แต่ก็ยังหัวเราะออกมา โดยเฉพาะเมื่อเล่นแบบ Co-Op กับเพื่อนที่สามารถเข้ามาได้พร้อมกันถึง 4 คน แม้จะสนุกพร้อมเพื่อนได้น้อยกว่าเกม Runbow แต่ความสนุกเวลาเล่นจริงไม่ทิ้งห่างกันแน่นอน

โดยความตายที่ควรจะน่าหงุดหงิด กลับกลายเป็นเชื้อไฟให้วงสนทนาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และนี่คือเสน่ห์ที่ทำให้ เกมBloodyTrapland ในราคาเพียง 115 บาท ไม่ได้เป็นแค่เกมยาก แต่เป็นเกมประสบการณ์ ของกลุ่มเพื่อนที่อยากทดสอบทั้งฝีมือและมิตรภาพ (27 ตุลาคม 2013) [1]

ข้อมูลพื้นฐาน เกมBloody Trapland

  • แนวเกม: Multiplayer Platformer / Party Game
  • ผู้พัฒนา (Developer): 2Play (อินดี้ทีมเล็กจากสวีเดน)
  • วางจำหน่ายครั้งแรก: ปี 2013 (Steam)
  • ภาคต่อ: BloodyTrapland 2: Curiosity (2019)
  • จำนวนด่าน: มากกว่า 50 ด่าน + Boss Battle (ภาค 2)
  • คะแนนรีวิว: ได้รับคะแนนรีวิวเชิงบวก Very Positive (2,700+ รีวิว, คะแนน 82%)
  • ระบบเกมเพลย์: คล้าย Super Meat Boy + Mario Multiplayer แต่เน้นโหดและเร็วกว่า

เจาะระบบเกมเพลย์ แมวติดกับดักที่ตายง่าย แต่เล่นเพลิน

เสน่ห์ของ BloodyTrapland อยู่ที่ระบบเกมเพลย์ที่เรียบง่ายแต่ทรมานจิตใจ ผู้เล่นต้องบังคับแมวการ์ตูนวิ่ง กระโดด และหลบหลีกกับดักที่แทบจะ “ฆ่าในเสี้ยววินาที” ไม่ว่าจะเป็นหนามเล็ก ๆ ที่โผล่มาไม่ทันตั้งตัว เลเซอร์ที่พุ่งตัดครึ่งตัว หรือระเบิดที่รอปะทุทุกครั้งที่คุณคิดว่าปลอดภัยแล้ว

ความพิเศษ คือเกมออกแบบมาให้ ตายง่าย แต่ไม่เครียดจนเลิกเล่น เพราะจังหวะการเกิดใหม่ รวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นสามารถลองใหม่ได้ทันที จุดนี้เองที่ทำให้ผู้เล่นบางคนบอกว่า “เล่นไปหัวเราะไป แม้จะตายเป็นพันครั้ง” โดยเฉพาะเมื่อเล่นโหมด Multiplayer กับเพื่อนที่รองรับได้สูงสุด 4 คน 

ทั้งนี้ยังรวมไปถึง แบบ Local และ Online ความวุ่นวายยิ่งทวีคูณ ทั้งผลักกันตกด่าน แกล้งกันโดยไม่ตั้งใจ และเฮฮากับการพลาดที่ไม่มีใครอยากยอมรับว่าโง่เอง (28 มิถุนายน 2015) [2]

ภาคต่อ BloodyTrapland 2 กับการพัฒนาเกมแห่งกับดัก

แม้จะเริ่มต้นจากเกมอินดี้เล็ก ๆ ในปี 2013 แต่ เกมBloodyTrapland ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ทีมพัฒนาเดินหน้าต่อยอด จนเกิดเป็นภาคต่อที่ยกระดับทั้งระบบและประสบการณ์เล่น (22 กรกฎาคม 2019) [3] เราลองมาดูเส้นทางการพัฒนาของเกมนี้ ในแต่ละช่วงเวลากัน ดังนี้

  • 2013: Bloody-Trapland ภาคแรกเปิดตัวบน Steam ได้รับเสียงตอบรับ “Very Positive” จากผู้เล่น ด้วยคอนเซ็ปต์แมวติดกับดักที่โหด+ฮา
  • 2014–2016: เกมยังคงมีคอมมูนิตี้เล่นต่อเนื่อง โดยเฉพาะโหมด Multiplayer ที่กลายเป็นจุดรวมตัวของสายปาร์ตี้เกม
  • 2017–2018: ทีมพัฒนาเริ่มเผยแผนภาคต่อ พร้อมทดลองระบบใหม่ เช่น Editor และ Boss Battle
  • 2019: BloodyTrapland-2: Curiosity วางขายบน Steam มาพร้อมกราฟิกอัปเกรด ด่านใหม่กว่า 50+ ด่าน และ Workshop ให้แฟน ๆ สร้างแชร์ด่านเอง
  • 2020–ปัจจุบัน: เกมภาค 2 มีรีวิว Positive อยู่ที่ 83% แม้ยอดผู้เล่นเฉลี่ยต่อวันจะลดลงเหลือไม่ถึงหลักร้อย แต่ยังคงถูกหยิบมาเล่นในช่วงลดราคา และเป็นที่นิยมในกลุ่มเพื่อน

เปรียบเทียบ Bloody Trapland ภาคแรก vs ภาค 2

แนะนำ Bloody Trapland

Bloody-Trapland (2013)

  • กราฟิก 2D เรียบง่าย เน้นความคลาสสิกในสไตล์อินดี้
  • ระบบด่านมาตรฐาน ตายง่าย รีสปอนเร็ว แต่ไม่มีฟีเจอร์ซับซ้อน
  • Multiplayer ได้สูงสุด 4 คน (Local/Online) เน้นเล่นกับเพื่อนเป็นหลัก
  • เนื้อหาด่านราว ๆ 50 ด่าน ไม่มีระบบสร้างด่านเอง
  • รีวิว “Very Positive” แต่เกมเพลย์ถูกมองว่าเหมาะเล่นเป็นรอบ ๆ มากกว่าระยะยาว

Bloody-Trapland 2: Curiosity (2019)

  • กราฟิกปรับคมขึ้น และเพิ่มแอนิเมชันที่สมจริงกว่าเดิม
  • ด่านใหม่มากกว่า 50+ ด่าน พร้อม Boss Battle ที่ภาคแรกไม่มี
  • มี Workshop / Editor Mode ให้ผู้เล่นสร้างและแชร์ด่านเองได้
  • Multiplayer รองรับทั้งโหมดแข่งขันและโหมด Co-op ทำให้เกมยืดหยุ่นขึ้น
  • รีวิว Very Positive 83% ได้รับคำชมเรื่องความสดใหม่และการเปิดพื้นที่ให้คอมมูนิตี้

ส่องรีวิวจาก ผู้เล่นและนักวิจารณ์ บอกอะไรเกี่ยวกับเกมนี้

เสียงจากผู้เล่นส่วนใหญ่บน Steam มองว่า Bloody-Trapland ทั้งสองภาคคือเกมที่ “ตายง่าย แต่ไม่รู้สึกแพ้” เพราะระบบรีสปอนที่เร็ว และด่านที่ออกแบบให้ท้าทายแต่ยังหัวเราะได้เมื่อพลาด จุดนี้เองที่ทำให้คะแนนรีวิวของเกมอยู่ในระดับ Very Positive มาตั้งแต่ภาคแรก (2,700+ รีวิว) จนถึงภาค 2 (780+ รีวิว)

สื่อนักวิจารณ์หลายเจ้าก็สะท้อนคล้ายกัน โดยมองว่าเกมนี้ เล่นง่าย เข้าใจไว แต่ยากที่จะผ่านในครั้งเดียว จุดเด่นคือการเล่นกับเพื่อนที่สร้างบรรยากาศโกลาหล สนุกกว่าการเล่นคนเดียว และนี่คือเหตุผลที่เกมยังถูกพูดถึงแม้จะผ่านมาเกือบ 10 ปีแล้ว

แนะนำ Bloody Trapland โดยสรุป

แนะนำ Bloody Trapland

เกมBloodyTrapland อาจไม่ใช่เกมฟอร์มยักษ์ แต่เป็นหนึ่งในเกมอินดี้ที่พิสูจน์ว่า ความโหด+ฮา สามารถกลายเป็นเสน่ห์หลักได้จริง ทั้งภาคแรกและภาคสองยังคงเอกลักษณ์เดิมคือ ด่านโหด ตายง่าย เล่นกับเพื่อนแล้ววุ่นวายสุดขีด เสริมด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ทำให้คอมมูนิตี้ยังคงมีชีวิต

เกมBloody-Trapland เหมาะกับเกมเมอร์แบบไหน ?

เกมนี้เหมาะกับสาย ปาร์ตี้เกม ที่อยากเล่นกับเพื่อนมากกว่าลุยเดี่ยว รวมถึงคนที่ชอบความโหดสไตล์แพลตฟอร์ม แต่ไม่จริงจังเกินไป เน้นหัวเราะกับความวุ่นวายมากกว่าการเอาชนะ

ทำไม เกมแนวอินดี้ครบรสนี้ ถึงปังจนมีภาคต่อ ?

เพราะมันไม่ได้ขายความสมบูรณ์แบบ แต่ขาย “ประสบการณ์ร่วม” ผู้เล่นหลายคนบอกตรงกันว่า การหัวเราะหลังตายร้อยครั้งกับเพื่อน คือเสน่ห์ที่หาไม่ได้จากเกมอินดี้อื่น ๆ และนี่คือเหตุผลที่ Bloody-Trapland ยังคงถูกหยิบมาพูดถึง และมีภาคต่อเพื่อสานต่อบรรยากาศโกลาหลนี้

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง