แนะนำ Ghostrunner ไซเบอร์นินจา one-hit-kill ดุเดือดจนติดหนึบ

แนะนำ Ghostrunner

แนะนำ Ghostrunner เกมไซเบอร์นินจา ที่ไม่ได้พาเราไปแค่โลกไซเบอร์พังก์สุดล้ำ แต่ยังโยนเราลงสู่สนามที่ทุกจังหวะคือตายหรือรอด วิ่งไต่กำแพง หลบกระสุนในเสี้ยววินาที ก่อนฟันเดียวปิดฉากศัตรู ความมันส์ของมันไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือจังหวะที่ทำให้ใจเต้นแรงจนอยากกดรีสตาร์ตซ้ำแล้วซ้ำเล่า

  • ทำความรู้จักเกี่ยวกับเกมไซเบอร์นินจา
  • ทำความเข้าใจ ระบบเกมเพลย์แบบเข้าใจง่าย
  • แนะนำ 5 คอมโบง่ายๆ แต่เจ๋ง

ทำความรู้จักแบบเร็ว Ghostrunner คืออะไร

Ghostrunner คือเกมแอ็กชันมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ทีม One More Level พัฒนา และ 505 Games จัดจำหน่ายในปี 2020 จุดขายชัด ๆ คือ “เร็ว ดุ และตายง่าย” เพราะทั้งตัวเราและศัตรูตายได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว (9 เมษายน 2025) [1]

สำหรับเกมนี้ ตัวเกมจึงบังคับให้ผู้เล่นวิ่งไต่กำแพง สไลด์ เหวี่ยงตะขอ และใช้ Sensory Boost เพื่อชะลอเวลาแล้วหามุมเข้าฟันให้แม่นที่สุด ทุกฉากถูกออกแบบเป็นเหมือนพัซเซิลที่ต้องแก้ด้วยสปีดและความแม่น จนเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้มันไม่เหมือน FPS เกมไหนในตลาดเลย

รู้ก่อนเล่น แก่นเกมเพลย์ เข้าใจใน 5 นาที ก่อนสัมผัสความมันส์ไร้ที่ติ

แนะนำ Ghostrunner เกมที่ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นรู้สึกถึง ความเร็วแบบ FPS ระดับสูง ตั้งแต่วินาทีแรก คุณต้องรับมือกับระบบ one-hit-kill ที่ทั้งเราและศัตรูโดนเพียงครั้งเดียวก็จบ ทำให้ทุกจังหวะกดดันและจริงจังขึ้นทันที จุดแข็งของเกมคือการผสมผสาน parkour + grapple ที่ไหลลื่น

แถมตัวเกมยังมาพร้อมกับสกิล Sensory Boost ที่กดชะลอเวลาได้สั้น ๆ เพื่ออ่านกระสุนหรือเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศ สุดท้ายด้วย เช็กพอยต์ที่วางถี่ ทำให้การตายไม่ใช่บทลงโทษ แต่กลายเป็นการเรียนรู้แบบเร่งสปีดที่ทำให้กด “ลองใหม่” อย่างไม่รู้เบื่อ (20 พฤศจิกายน 2020) [2]

แนะนำ Ghostrunner ไทม์ไลน์ความปัง ที่น่าสนใจ

  • 27 ตุลาคม 2020: เกมGhostrunner ภาคหลักเปิดตัวบน PC, PS4, Xbox One (ต่อมาลง Switch และ Amazon Luna) จุดเริ่มต้นที่สร้างชื่อให้ซีรีส์นี้
  • 28 กันยายน 2021: ออกเวอร์ชันอัปเกรดบน PS5 และ Xbox Series X|S เพิ่มโหมด 4K/120fps และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้รองรับเครื่องเล่นรุ่นล่าสุด
  • 31 สิงหาคม 2021: ทีมงานเพิ่มอัปเดตใหญ่ นำ Assist Mode และ Wave Mode เข้ามา เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นและเล่นได้นานกว่าเดิม
  • 3 มีนาคม 2022: ปล่อย DLC Project_Hel เนื้อเรื่องเสริมที่ให้เล่นเป็น Hel พร้อมเลเวลและบอสเฉพาะตัว
  • 26 ตุลาคม 2023: วางขาย Ghostrunner 2 ภาคต่อที่ยกเครื่องระบบ เพิ่มพื้นที่กว้างขึ้น มอเตอร์ไซค์ความเร็วสูง และระบบบล็อกแล้วสวนกลับ

เส้นทางเหล่านี้สะท้อนว่า Ghostrunner ไม่ได้หยุดอยู่ที่เกมอินดี้ภาคเดียว แต่ค่อย ๆ เติบโตเป็นแฟรนไชส์ที่พัฒนาทั้งระบบและคอนเทนต์ จนยังคงถูกพูดถึงในวงการเกมมาถึงปัจจุบัน

ทำไม เกมGhostrunner ถึงทำให้เกมเมอร์ติดหนึบ

แนะนำ Ghostrunner

เสน่ห์ของ เกมGhostrunner ไม่ได้อยู่ที่กราฟิกสวยหรือเนื้อเรื่องอลังการ แต่คือ ความรู้สึกติดหนึบที่เกิดขึ้นตอนเล่นจริง ตัวเกมผสมความเร็วแบบ FPS เข้ากับความกดดัน ทำให้ทุกวินาทีเหมือนเสี่ยงชีวิต แต่ก็มีเช็กพอยต์ถี่ ที่คอยผลักให้ผู้เล่นอยากลองใหม่แบบไม่ท้อ (12 กันยายน 2023) [3]

ทำให้ความตึงเครียดในการเล่น กลายเป็นแรงผลักให้กดรีสตาร์ตต่อเนื่อง จนเกิด flow ที่หยุดไม่ลง  นอกจากนี้ ระบบ parkour ที่ลื่น ยังทำให้แต่ละฉากเหมือนพัซเซิลที่ต้องหาคำตอบด้วยสปีดและการวางแผน บวกกับความสะใจ ทำให้เกมนี้เป็นเกมที่ทั้งโหด ทั้งมัน และทั้งท้าทายในเวลาเดียวกัน

แนะนำ 5 คอมโบพื้นฐาน ง่ายๆ แต่ใช้เล่นจริงได้

แม้ GameGhostrunner จะเป็นเกมที่เร็วและโหด ซึ่งสไตล์จะแตกต่างกับเกม Refunct อย่างชัดเจน ทำให้ในส่วนของการเล่นจะมี คอมโบพื้นฐาน ที่ถ้าจับได้แล้ว จะช่วยให้เล่นรอดและต่อจังหวะได้ลื่นกว่าที่คิด ดังนี้

  • กระโดด แล้วสไลด์: การสไลด์ในเกมนี้ จะเร่งความเร็วได้ราว 15–20% จากสปีดปกติ และทำให้ hitbox ต่ำลงประมาณ 40% ช่วยหลบกระสุนแนวนอนได้แทบทุกครั้งถ้าใช้ถูกจังหวะ

  • Dash-Cancel: คูลดาวน์ Dash อยู่ที่ 0.5 วินาที การกดตัดจังหวะกลางอากาศช่วยเปลี่ยนทิศได้แทบจะทันที ทำให้เลี่ยงการโดนยิงตรง ๆ ได้มากกว่า 70% เมื่อเทียบกับวิ่งเส้นตรง

  • Boost หลบกระสุน: Sensory Boost ใช้ได้นานสูงสุด 2.5 วินาที ต่อครั้ง การชะลอเวลาเพียง 0.3–0.5 วินาทีมักพอให้เปลี่ยนเส้นทางให้กระสุนพลาด และลดโอกาสตายทันทีในฉากยิงถี่ ๆ

  • Hook แล้วฟัน: ระยะเหวี่ยงตะขอมีมากกว่า 25 เมตร และใช้เวลาประมาณ 0.4 วินาที ดึงเข้าหาศัตรู การกดฟันทันทีหลัง hook จะทำให้ kill time เร็วกว่า 1 วินาที ตั้งแต่เริ่มเหวี่ยง

  • Air-Strafing: การเบี่ยงทิศทางกลางอากาศ ที่สามารถเพิ่มความเร็วด้านข้างได้ราว 10–12% และช่วยให้เข้ามุมใหม่ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาแตะพื้น ซึ่งมักลดเวลาเคลียร์ห้องได้เฉลี่ย 2–3 วินาที ต่อหนึ่ง encounter

ทั้งห้าท่านี้คือ พื้นฐานที่ถ้าใช้จนชิน จะต่อยอดไปสู่การวิ่งไหลเป็นคอมโบยาว ๆ ได้อย่างแท้จริง

เปรียบเทียบ Ghostrunner 1 vs 2 ต่างกันอย่างไร

ภาคแรกกับภาคสองของ Game-Ghostrunner แม้จะยืนบน สูตรone-hit-kill ผสมการเล่นแบบ parkour เหมือนกัน แต่รายละเอียดข้างในต่างกันจนสัมผัสได้ชัดเจน ดังนี้

  • ระบบต่อสู้: ภาคแรกอาศัยความเร็วและความแม่นล้วน ๆ ไม่มีป้องกัน ส่วนภาคสองเพิ่ม ระบบบล็อก และค่า stamina ที่ทำให้การเล่นมีจังหวะตั้งรับมากขึ้น
  • พื้นที่การเล่น: ภาคแรกส่วนใหญ่คือเส้นทางบนหอคอยแบบเส้นตรง ในขณะที่ภาคสองเปิดพื้นที่กว้างกว่า มีด่านกึ่งโอเพ่น และเพิ่มช่วง ขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ต้องใช้สปีดสูงสุดจริง ๆ
  • การเล่าเรื่อง: ภาคแรกเล่าผ่านฉากและเสียงพากย์เป็นหลัก ส่วนภาคสองขยายโลก มีฮับคุยกับตัวละคร และบทสนทนาที่ให้ผู้เล่นเข้าใจจักรวาลมากขึ้น
  • รีวิวโดยรวม: เกมGhostrunner (2020) ได้ Metascore เฉลี่ย 81 ขณะที่ Ghostrunner2 (2023) อยู่ราว 80–81 เช่นกัน แต่เสียงชื่นชมมักยกให้ภาคสอง “เข้าถึงง่ายขึ้น” เพราะมีเครื่องมือช่วยมากขึ้นโดยไม่ลดความท้าทาย

แนะนำ Ghostrunner โดยสรุป

แนะนำ Ghostrunner

เกมGhostrunner ไม่ได้เป็นแค่ FPS ที่เร็วและโหด แต่คือการออกแบบที่ทำให้การตาย กลายเป็นส่วนหนึ่งของความมันส์ ระบบที่กดดันทุกวินาทีถูกบาลานซ์ด้วยเช็กพอยต์ถี่ และ parkour ที่ลื่นไหล ใครที่อยากลองแนวเกมที่ไม่ปล่อยให้สมองพัก เกมนี้คือคำตอบที่ทั้งมันและท้าทาย

ประสบการณ์ข้ามแพลตฟอร์ม & สเปก ที่ต้องรู้มีอะไรบ้าง ?

เกมนี้รองรับทั้ง PC, PS4, Xbox One, Switch และรุ่นอัปเกรดที่มีโหมด 4K/120fps ส่วนฝั่ง PC ภาคแรกใช้สเปกกลาง ๆ อย่าง i7-6700K GPU เป็น GTX 970 ก็ลื่นแล้ว แต่ Ghostrunner2 ขยับเพดานขึ้น ต้องการ CPU ระดับ i9-9900K และการ์ดจออย่าง RTX 2070 Super ขึ้นไปถึงจะเล่นได้เต็มประสิทธิภาพ

อยากลอง Game-Ghostrunner ควรเริ่มจากภาคไหน ?

ถ้าอยากสัมผัส ต้นฉบับที่ดิบและโหดสุด ๆ ควรเริ่มจากภาคแรก เพราะเลเวลออกแบบเป็นเส้นตรงกดดันทุกวินาที และยังมี DLC ให้ต่อเนื่อง แต่ถ้ามีเวลาน้อยและอยากเล่นของใหม่ทันที ภาคสองอาจจะตอบโจทย์มากกว่า แถมด้านราคาทั้งสองภาคมีช่วงราคาลดบ่อย เลือกตามงบได้เลย

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง