Jesse Livemore นักเทรดหุ้นรุ่นใหญ่ ฉายา Great Bear

Jesse Livemore นักเทรดหุ้นรุ่นใหญ่

Jesse Livemore นักเทรดหุ้นรุ่นใหญ่ ชายผู้ซึ่งเริ่มต้นจากการเทรดหุ้นด้วยเงิน 3.12 ดอลลาร์ สู่มหาเศรษฐีนักเทรดหุ้น ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดตลอดกาล เพราะสามารถทำกำไร จากการเทรดหุ้นได้ 100 ล้านดอลลาร์ สู่นักเขียนหนังสือการเทรดหุ้น ที่ทุกคนต้องตามอ่าน

  • แนวคิดในการเทรดหุ้น โดยมี หลักการของ Jesse Livermore
  • นำเสนอหลักการการเทรดหุ้นแบบง่ายให้คนธรรมดาเข้าใจ
  • ถอดประสบการณ์ เทคนิคต่าง ๆ ของ Great Bear

หลักการในการลงทุนของ Great Bear of Wall Street

หลักการในการลงทุนของราชัน แห่งการเก็งกำไร เจสซี่ ลิเวอร์มอร์ ต้องบอกว่าคุณเจสซี่ เป็นนักธุรกิจ ที่มักจะลงทุน โดยอิงจากแนวโน้มของเทรนด์ หรือโมเมนตัมเป็นหลัก ซึ่งการมองแนวโน้มของการลงทุนนั้น จะช่วยทำให้คุณ สามารถมองภาพของการลงทุน ออกเป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้มากขึ้น ทำให้ง่ายต่อ

การลงทุน ซึ่งการลงทุนรูปแบบนี้ ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมาย แต่เพียงความท้าทาย จะอยู่ที่การอดทน การติดตามแนวโน้ม และความเคลื่อนไหว ของหุ้นเป็นหลัก ทำให้คนธรรมดา หรือมือใหม่นั้น อาจปฏิบัติตามได้ยาก เพราะยังไม่มีประสบการณ์ ความนิ่งของสมาธิ และขาดความอดทน

อีกทั้งการเรียนรู้ความผิดพลาด และการขาดทุนนั้น ก็เป็นสิ่งที่มีค่ากว่าการได้ผลกำไร เพราะเป็นการที่ผู้ลงทุน ได้กลับมาทบทวนกับตัวเอง ว่าผิดพลาดตรงไหนไปบ้าง และควรจะแก้ไขจุดผิดพลาดนั้น ๆ อย่างไร ที่สำคัญยังสามารถช่วยในการพัฒนาตัวเอง ในทุก ๆ ครั้งที่ผิดพลาดอีกด้วย

ที่มา: 21 Top Jesse Livermore Quotes For Traders [1]

อะไรคือ กลยุทธ์ในการเทรด ของเจสซี่ ริเวอร์มอลล์

อย่างที่ทราบกันว่า เจสซี่ ริเวอร์มอลล์นั้น เป็นคนที่มีความสามารถ ในการเทรดหุ้นของตัวเอง ด้วยเงินเพียงน้อยนิด จากการเริ่มต้นเพียง 3.12 ดอลลาร์ เพียงเท่านั้น ก่อนจะมุ่งเข้าสู่การเป็นมหาเศรษฐี ที่รวยจากการเทรดหุ้น ด้วยเงินของตัวเองกว่า 100 ล้านดอลลาร์

โดยที่กลยุทธ์ของเจสซี่ ริเวอร์มอลล์นั้น จะเป็นการเล่นหุ้น ที่เป็นเทรนอยู่แล้ว และมองกราฟให้เป็นประเภทของ Pattern ราคา เมื่อเขาเข้าใจ ในจุดสำคัญของการเทรดแล้ว เขาจะแค่ตอบสนองต่อ เทรนอยู่บ่อยครั้ง โดยการเลือกเทรดทีละช้า ๆ และเน้นลงทุน ในการถือหุ้น และเลือกลงทุน ในระยะยาว

แต่ถ้าหากวันไหน หุ้นมีการขยับอย่างรวดเร็ว เขาก็จะเลือกลงทุนแบบระยะสั้น การลงทุนรูปแบบนี้ จะเป็นการลงทุน ที่ช่วยลดความเสี่ยง และให้ทุนที่เหมาะสม และสมควรแก่ราคา ในช่วงเวลา ในการถือหุ้น ในตอนนั้น ทำให้การมองหุ้นเป็นนั้นสำคัญ ต่อกลยุทธ์ในรูปแบบนี้มาก

ที่มา: เปิดกลยุทธ์ทำกำไรของ “Jesse Livermore” หนึ่งในนักเทรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล [2]

กฎในการเทรดหุ้นของเจสซี่ ที่สำคัญ มีอะไรบ้าง

ขอแนะนำกฎในการเทรดหุ้นของเจสซี่ ที่สำคัญ และควรต้องรู้ ได้แก่

  1. เทรดหุ้นใน trend ในตลาดที่ใหญ่ และเปิดหุ้นชอร์ต ในตลาดหุ้นผันผวน
  2. อย่าเทรดถ้าหากยังไม่เห็นถึงกำไร หรือโอกาสได้กำไร ที่ยังไม่ชัดเจน
  3. เทรดโดยกำหนดจุดสำคัญ ในการรอให้ถึงจุด ที่คาดว่าจะได้รับกำไร และค่อยขาย
  4. รอให้ตลาดมีความชัดเจนก่อน ค่อยเข้าเทรด จึงจะทำให้ได้เงินก้อนโต
  5. ปล่อยให้กำไรทำงาน และควรถอนหุ้นออกมา เมื่อขาดทุน
  6. เทรดแบบมีสติ โดยจะหยุด เมื่อถึงเวลาตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และควรรู้ว่า กำลังทำอะไรอยู่ในตลาด
  7. ออกจากการเทรดหุ้น เมื่อรู้ว่ากำไร ในหุ้นตัวนั้น ๆ ลดลง
  8. เทรดหุ้นในตลาดที่มั่นคง แล้วขายหุ้นในตลาด ที่เริ่มที่จะอ่อนแอ
  9. อย่าลงเงินในตำแหน่งหุ้น ที่มีการขาดทุน หรือมีราคาที่ลดลงเรื่อย ๆ
  10. ถ้าหุ้นที่สนใจ มีราคาที่สูง เกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด อย่าถือต่อ ให้ทำการขายหุ้น เพื่อปิดสถานะหุ้นตัวนั้น ๆ
  11. อย่าเฝ้ารอราคาของหุ้น มากจนเกินไป ให้โฟกัสในหุ้นที่คาดว่าสามารถทำกำไรได้ และวางกลยุทธ์ ให้เหมาะกับการลงทุน ณ ตอนนั้นเสมอ

ซึ่งจากข้อเหล่านี้ จะทำให้เราสังเกตว่าการเทรดหุ้นของเจสซี่ มีความเรียบง่าย และสามารถปรับใช้ได้ กับหลายสถานการณ์ ทำให้กฎนี้มีประสิทธิภาพ จนถึงทุกวันนี้

ที่มา: อัจฉริยะสู่หายนะ ชัยชนะในตลาดหุ้นกลายเป็น บทเรียนราคาแพง [3]

บทเรียนสำคัญจากความล้มเหลวของเจสซี่ ที่ควรจดจำ

Jesse Livemore นักเทรดหุ้นรุ่นใหญ่

บทเรียนที่ได้รับ จากความล้มเหลวครั้งใหญ่ ที่เจสซี่ทิ้งไว้ให้ คือ หลังจากการประสบความสำเร็จ ไม่ได้แปลว่าสิ่งสิ่งนั้น จะเป็นสิ่งที่สามารถกำหนดอนาคตได้เสมอไป จากเรื่องราวของเจสซี่ ที่คาดว่านักเทรดหลาย ๆ คน คงรู้ว่าเจสซี่นั้น ได้ทำกำไรได้อย่างมหาศาล ในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน และเขาก็ล้มละลาย

ในเวลาเพียงข้ามคืนเช่นกัน เจสซี่ถือว่าเป็นอัจฉริยะ ในการเทรดหุ้น ในช่วงทศวรรษที่ 19 ซึ่งเขาก็เป็นเหมือนนักเทรดหุ้นหลาย ๆ คน ที่เมื่อเราประสบความสำเร็จ ก็มักจะหลงทาง และลืมกฎที่ตนเองได้ตั้งไว้ ซึ่งเจสซี่ก็เป็นเช่นนั้น เหมือนกัน คือเขานั้นเมื่อได้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เขาก็เริ่มมั่นใจ

ในตนเอง และทำการเทรดแบบไม่มีแบบแผน และส่วนมากมักทุ่มเงิน แบบหมดหน้าตัก พอเมื่อได้กำไร ก็ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย และไม่กำหนดจุดเกษียณของตนเอง นี่จึงทำให้เข้าได้เดินเข้าสู่หายนะ และจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า ซึ่งเรื่องของเจสซี่ ถือได้ว่าเป็นบทเรียนชั้นดีให้กับนักลงทุน ในทุกยุคทุกสมัยได้ดี

เพราะเหตุใดเจสซี่ ถึงเห็นว่าการขาดทุนนั้น ให้อะไรมากกว่ากำไร

เพราะเจสซี่มองว่าการขาดทุนนั้น สามารถทำให้ผู้ลงทุนได้เรียนรู้ ในความผิดพลาดต่าง ๆ ที่ได้กระทำลงไป จากความไม่รู้ หรือจากการขาดประสบการณ์ อีกทั้งยังพ่วง ในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก ในตอนนั้น ๆ ว่ามีปัจจัยอื่นใดหรือไม่ ที่มารบกวนสมาธิ ในการลงทุนของผู้ลงทุน ทำให้ผู้ลงทุนสามารถ

กลับมาทบทวน กับตัวเอง ว่ามีข้อผิดพลาด ในการลงทุนตรงไหน และมีสาเหตุมาจากอะไร ที่ทำให้การลงทุนนั้น ๆ ไม่สำเร็จตามเป้าหมาย และเพื่อที่จะได้คอยปรับปรุงกลยุทธ์ ในการลงทุน สำหรับการลงทุนครั้งหน้า ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ซึ่งการเรียนรู้จากความผิดพลาด และจากความยืดหยุ่น การปรับตัว

และการอดทน กับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องพบเจอในการลงทุน ทำให้ปัจจัยเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุน ทุกคนนั้นต้องกลับมาทบทวน ว่าเรากำลังพบเจอกับอะไร และควรประเมินสถานการณ์ และเลือกวิธีแก้ไขปัญหาให้ชัดเจนที่สุด

เพราะอะไรเจสซี่ ถึงให้ความสำคัญกับ Momentum And Trend

เพราะเจสซี่มักจะเชื่อว่าหุ้นนั้น จะมีแนวโน้มการเคลื่อนไหวตามเทรนด์ ซึ่งการติดตาม การซื้อหุ้นตามเทรนนั้น ๆ จะทำให้การซื้อหุ้นนั้น อยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งสามารถทำกำไร จากการเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งการลงทุนตามเทรน ยังช่วยลดความเสี่ยง ในเรื่องของการขาดทุน

เพราะการลงทุนตามเทรนด์ จะเป็นการลงทุน ที่มีผู้ลงทุนจำนวนมาก จึงทำให้สามารถลดโอกาส ในการขาดทุนลงได้ โดยการหาซื้อหุ้น ที่มีแนวโน้ม ที่แข็งแรง ก็เป็นหนึ่งในโอกาส ที่จะสามารถสร้างผลกำไรได้เช่นกัน และที่สำคัญการเทรดหุ้นตามโมเมนตัม หรือเทรน ถือว่าเป็นการเทรดหุ้น

ที่มีความเสี่ยงต่ำ และยังสามารถสร้างผลกำไรได้ ในระยะสั้น และระยะยาว อีกทั้งยังทำให้การลงทุนนั้น ดูมีความสมเหตุสมผล และมีประสิทธิภาพที่มากขึ้น

Jesse Livemore นักเทรดหุ้นรุ่นใหญ่ กับบทสรุป

Jesse Livemore นักเทรดหุ้นรุ่นใหญ่

สรุป Jesse Livemore นักเทรดหุ้นรุ่นใหญ่นั้น เป็นนักลงทุน ที่มีแนวคิดการลงทุน ในรูปแบบที่ตามเทรน และมองแนวโน้ม ของการลงทุนเป็นหลัก ซึ่งเป็นการลงทุน ที่มีความเสี่ยงน้อย และให้ผลกำไรที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีเหตุ และผล ในการรับรองการลงทุน และมีที่มาที่ไป ของการลงทุนอยู่เสมอ

ถ้าหากเจสซี่ยังมีชีวิตอยู่ เขาน่าจะมองตลาดหุ้นในปัจจุบันอย่างไร

คาดว่าถ้าหากเจสซี่ ยังมีชีวิตอยู่ อาจจะเริ่มลงทุน ในหุ้นอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพราะความผันผวน ของตลาดหุ้น ที่สูงกว่าเมื่อก่อน และแก้ไขปัญหา ในเรื่องที่ตนเองเคยพลาด โดยการใส่หุ้นอย่างระมัดระวัง และเลือกซื้อหุ้น ตามแนวโน้มเป็นหลัก ที่สำคัญ อาจจะคอยตามเทรนของ AI และ algorithm เป็นหลัก

เจสซี่เชื่อว่าการอยู่เฉย ๆ สำคัญกว่าการเทรด จริงหรือไม่

ต้องบอกว่าเป็นจริง เพราะเจสซี่เชื่อว่าการอยู่เฉย ๆ นั้น สามารถทำให้เรามองจังหวะ ในการขึ้น หรือลง ของหุ้นได้ชัดเจน มากกว่าการไปวิ่งอยู่ในตลาดหุ้น ซึ่งเป็นเหมือนกับการ จับจังหวะ ลงทุนในหุ้น ที่เหมาะสม และค่อยทำการซื้อขายนั่นเอง

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง