
เกมสตรีม Jusant น่าเล่นมั้ย การปีนเขา ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว
- Spawn
- 26 views
Jusant น่าเล่นมั้ย คือคำถามของคนที่กำลังมองหาเกมที่ ไม่เหมือนใคร เกมที่ไม่ได้เน้นความเร็ว ไม่ได้มีศัตรูให้ต่อสู้ หรือเนื้อเรื่องที่ยัดใส่เราทุกนาที แต่กลับพาเราเดินทางไปกับความเงียบ เหงา และแรงกายที่ต้องใช้ทุกหยด นี่จึงเป็นไม่ได้ปีนเพื่อจะชนะ แต่ปีนเพื่อเข้าใจว่าระหว่างทาง สำคัญแค่ไหน
เกมJusant คือเกมแนวปีนเขาสุดอินดี้ที่พัฒนาโดย DON’T NOD สตูดิโอเดียวกับที่เคยสร้างชื่อไว้กับ Life is Strange เกมที่จะไม่เล่าเรื่องผ่านบทสนทนา แต่เล่าผ่านความเงียบและการเดินทาง แทนตัวเกมมีแกนหลักคือการปีนหน้าผาไปเรื่อย ๆ ในการนำเสนอเรื่องราวของโลกหลังจากปรากฏการณ์น้ำลดแบบถาวร
แม้จะฟังดูเรียบง่าย แต่ตัวเกมJusant กลับโดดเด่นด้วย ฟีลลิ่งการควบคุมที่เหมือนใช้ร่างกายปีนจริง ๆ เพื่อเช็กพอยต์ความปลอดภัย การปีนแต่ละจุดจึงไม่ใช่แค่การ “กดปุ่ม” แต่เป็นการคิดจังหวะ หาตำแหน่งที่เหมาะสม และใช้ stamina อย่างมีแผน ซึ่งนี่แหละคือจุดที่ทำให้มันแตกต่างจากเกมอื่น ๆ [1]
เกมนี้อาจไม่ใช่เกมที่คนทั่วไป ตั้งเป้าหรือคาดหวังจะเล่นในยามว่าง แต่มันกลับครองใจเกมเมอร์ สายปีนเพื่อภาวนาได้อย่างแน่นหนา โดยเฉพาะคนที่หลงรัก Journey, Grow Home หรือ New Heights มาก่อน มันคือความเรียบง่ายที่มีพลัง และมันปีนใจคนได้มากกว่าที่คิด
ใครที่เคยเจอเกมแนวผจญภัย ที่สวยจนอยากแคปหน้าจอ แต่พอเล่นจริงกลับรู้สึก “เหงาเกินจะทน” อาจตั้งคำถามเดียวกันกับ Jusant น่าเล่นมั้ย ว่าระบบการเล่นมันมีอะไรให้ทำจริงหรือเปล่า? คำตอบคือ…มี และลึกกว่าที่คิด
โดยตัวเกมวางระบบปีนเขาไว้ในรูปแบบ “กึ่งจำลองการใช้งานอุปกรณ์จริง” อย่างเช่น การกดไหล่ซ้าย–ขวาสลับมือปีน การปัก piton เพื่อเซฟจุด หากพลาดตกก็จะเด้งกลับมาจากจุดที่ปักไว้ ไม่ใช่ย้อนสุดแผนที่แบบเกมหัวร้อน และยังต้องบริหาร stamina ให้ดี ไม่งั้นอาจร่วงกลับมาแบบจุก ๆ ได้เหมือนกัน
จึงกล่าวได้ว่า Jusantเป็นเกมที่ไม่ขายความตื่นเต้นแบบฉาบฉวย แต่มอบ “flow” ที่ชวนหลงในทุกครั้งที่มือขวากดค้าง มือซ้ายปล่อย แล้วปีนขึ้นอีกนิด เหมือนกำลังพูดกับภูเขาว่า “เรายังไหว” หรือไม่
นี่คือหนึ่งในไม่กี่เกมที่กล้า “ไม่เล่าอะไรเลย” แต่กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวมากกว่าหลายเกมที่ใส่คัตซีนมาเป็นสิบ ไม่มีตัวละครพูด ไม่มีคำบรรยายยืดยาว มีเพียงโลกที่ครั้งหนึ่งเคยมีคนอยู่ แล้วเหลือไว้แค่เศษซากแห่งความทรงจำ และภูเขายักษ์ที่รอให้ใครสักคนไต่ไปหาความหมายบางอย่าง
เกมใช้ “การเล่าเรื่องผ่านสิ่งแวดล้อม (Environmental Storytelling)” อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องราวทั้งหมดถูกทิ้งไว้ให้ผู้เล่น “ฟังด้วยตา” และ “จินตนาการต่อ” เอง ตัวเกมมีตัวละครชื่อ Bianca ที่ทิ้งร่องรอยไว้ผ่านโน้ต และ logbook เป็นเส้นทางคู่ขนานกับเราที่ค่อย ๆ เชื่อมโยงกันโดยไม่ต้องพูด
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้โลกจะเงียบ และตัวละครจะไม่เปล่งเสียงแม้แต่คำเดียว แต่ เกมJusant กลับทำให้ผู้เล่นรู้สึกถึงความหวัง ความเหงา และแรงผลักดันบางอย่างที่พาเราขึ้นไปสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ต้องมีคำบรรยายเลยสักประโยค [2]
JusantGame ไม่ใช่เกมที่ใครเปิดมาแล้วจะว้าวทันที เพราะมันไม่ได้มีฉากยิงระเบิดตูมตาม หรือระบบอัปเกรดซับซ้อนแบบเกมเมอร์สายแอคชันคุ้นเคย แต่ถ้าคุณคือคนที่มองหาเกมที่ “สงบแต่ไม่ว่างเปล่า” และอยากสัมผัสโลกที่เล่าเรื่องผ่านภูเขา กลิ่นลม และร่องรอยความทรงจำ รับรองเกมนี้เหมาะกับคุณแน่นอน
แต่ถ้าคุณชอบเกมเร็ว ๆ มีจังหวะต่อสู้ที่ดุดัน หรืออยากได้เกมที่มี progression ที่ชัดเจนตลอดเวลา JusantGame อาจไม่ใช่ทางของคุณ เพราะตลอดการเล่นหลายชั่วโมงของมันคือการปีน ปีน และปีน โดยไม่มีศัตรู ไม่มีบอส ไม่มีอาวุธ มีเพียงสตอรี่แบบเบา ๆ และความเงียบที่พาเราเดินทางต่อ
เสียงตอบรับจากนักรีวิวทั่วโลกมอง GameJusant ว่าเป็น “เกมที่น้อยแต่มาก” หลายเว็บใหญ่ชื่นชมในความเรียบง่ายที่มีพลัง โดยเฉพาะเรื่องระบบการปีนเขาที่ออกแบบมาให้รู้สึกเหมือนได้ปีนจริง ๆ โดยไม่ต้องใช้ UI รกรุงรังหรือคำสั่งเยอะเกินจำเป็น
ถึงจะมีข้อสังเกตบางจุด เช่น การควบคุมที่ต้องใช้ความแม่นระดับหนึ่ง และจังหวะเกมที่อาจช้าไปสำหรับคนใจร้อน แต่คะแนนเฉลี่ยจากนักวิจารณ์หลายเจ้าอยู่ในโซน “แนะนำให้เล่น” หรือระดับ 7.5–9 เต็ม 10
เกมนี้อาจดูเหมือนเกมอินดี้สายปีนเขาธรรมดา แต่พอได้ลองเองถึงจะรู้ว่ามันคือ “ความเรียบง่ายที่ออกแบบมาให้รู้สึกพิเศษ” ความรู้สึกหลังเล่นจริงมีทั้งข้อดีที่ชัด และข้อเสียที่บางคนอาจต้องปรับตัว
ข้อดีที่รู้สึกได้ชัดทันทีหลังเล่น
ข้อเสีย (หรือจุดที่ต้องทำความเข้าใจ)
สรุปคือ เกมนี้เหมาะกับคนที่มองหาเกมไว้ “ปีนเขาและปีนใจตัวเอง” มากกว่าเกมที่ต้องเร่งเก็บของหรือต่อสู้เพื่อชนะ
สำหรับเกมปีนเขา ที่ไม่เน้นความตื่นเต้นแบบหวือหวา แต่สร้างเสน่ห์จากความเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยรายละเอียด ทั้งระบบปีนที่ให้รู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงจริง ๆ และโลกเงียบ ๆ ที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องราวผ่านร่องรอยของอดีต มันเหมาะกับคนที่ชอบเกมสำรวจ ไม่รีบร้อน และอินกับบรรยากาศมากกว่าการไล่ล่าภารกิจ
ตัวเกมเปิดให้เล่นบนแพลตฟอร์มหลักเกือบครบ ทั้ง PC (Steam), PlayStation 5 และ Xbox Series X/S โดยไม่ลงเครื่องรุ่นเก่าอย่าง PS4 หรือ Xbox One เนื่องจากตัวเกมมีการใช้ระบบฟิสิกส์และกราฟิกแนว stylized ที่แม้ดูเรียบแต่กินทรัพยากรพอสมควร ใครที่มี Steam Deck ก็เล่นได้แบบ “Playable”
ซึ่งหมายถึงใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งแต่ไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ความน่าสนใจคือ เกมนี้ไม่มีเวอร์ชันมือถือ และไม่น่าจะมีในเร็ว ๆ นี้ เพราะรูปแบบการควบคุมและประสบการณ์ที่ต้องใช้จอยเต็มรูปแบบ ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ออกแบบมาเพื่อการเล่นในสภาพแวดล้อมที่ตั้งใจจริง
เกมปีนเขานี้ ไม่ได้กินสเปกหนักแบบเกม AAA แต่ก็ไม่เบาเกินไปสำหรับคอมเก่า โดยสเปกขั้นต่ำที่แนะนำคือ Intel Core i5-7400, RAM 8GB, การ์ดจอ GTX 1050 Ti ส่วนถ้าอยากเล่นแบบลื่น ๆ ภาพสวย ๆ ควรมี Core i5-9600K หรือ Ryzen 5 3600, RAM 16GB, และ GTX 1070 หรือเทียบเท่า
ซึ่งตัวเกมยังรองรับ DirectX 12 และต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างน้อย 20GB แม้จะไม่ต้องใช้ SSD ก็เล่นได้ แต่เพื่อประสบการณ์โหลดฉากเร็วและลื่นขึ้น แนะนำให้ใช้ SSD ไปเลยจะดีกว่า สรุปคือคอมระดับกลางเล่นได้สบาย ไม่ต้องถึงขั้นสายฮาร์ดคอร์