
เจาะลึก SpeedRunners น่าเล่นมั้ย หรือแค่เกมไวที่เล่นแล้ววุ่น
- Spawn
- 19 views
SpeedRunners น่าเล่นมั้ย เกมวิ่งแข่งที่แค่ใครเร็วกว่าก็ชนะ แต่ก็แอบมีอะไรมากกว่านั้น เกมที่ผสมพลังของปาร์ตี้ ที่ทำให้เพื่อนหัวเราะจนโต๊ะสั่นกับความเข้มข้นแบบ eSports โดยใช้จังหวะและเทคนิคทุกวินาที สิ่งที่ท้าทายผู้เล่นว่า นี่คือเกมที่ควรลอง หรือเกมที่เร็วเกินจนไม่จำเป็นต้องเล่น
สำหรับ SpeedRunners เป็นเกมวิ่งแข่งแบบ side‑scroll ที่เกิดขึ้นบนคอร์ส 2D แต่กลับเต็มไปด้วยความเร็ว และความกดดันจนเหมือนเล่นเกมต่อสู้ เกมนี้พัฒนาโดย DoubleDutch Games และเริ่มต้นจากเกม Flash ฟรี ก่อนจะถูกขยายให้กลายเป็นเกมเต็มที่มีทั้ง PC, Xbox, PS4 และ NintendoSwitch
สิ่งที่ทำให้เกมนี้ถูกพูดถึงในฐานะ เกมที่เร็วสุดโต่ง ไม่ใช่แค่ความเร็วของตัวละคร แต่มันบังคับให้ผู้เล่นต้องคิดและกดปุ่มแบบทันทีทันใด การพลาดแค่หนึ่งจังหวะอาจทำให้ตัวละครตกรอบทันที นี่จึงเป็นเกมที่ทำให้คำว่า “เร็วกว่า = รอด, ช้ากว่า = จบ” ชัดเจนกว่าที่เคยเห็นในเกมอื่น ๆ (3 กุมภาพันธ์ 2020) [1]
เกมSpeedRunners มีจุดเริ่มต้นที่น่าสนใจ เพราะมันไม่ใช่เกมที่ถูกวางแผนให้เป็น eSports ตั้งแต่แรก แต่มันเริ่มจาก เกม Flash ฟรีบนเว็บในปี 2011 จากสตูดิโอเล็ก ๆ อย่าง DoubleDutch Games ที่ตั้งใจทำเกมแนววิ่งแข่งขำ ๆ ให้คนเล่นกันบนเบราว์เซอร์เท่านั้น
แต่ความสนุกและความเร็วของเกม ทำให้เกิดกระแสแบบปากต่อปาก จนมีฐานผู้เล่นที่เหนียวแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่จะถูกพัฒนาต่อเข้าสู่ Steam Early Access ในปี 2013 และเป็นจุดเปลี่ยน community เริ่มจริงจังกับเกม มีการสร้างแมพเอง ฝึกทริคใหม่ ๆ และจัดแข่งเล็ก ๆ กันเอง
หลังจากเกมจะปล่อยตัวเต็มในปี 2016 พอมี ranked mode และระบบ matchmaking จริงจัง การแข่งขันก็ยกระดับขึ้น จนในปี 2015 เกมนี้ไปไกลถึงขั้นถูกบรรจุใน ESL แม้จะเป็นสายย่อย ไม่ใช่ลีกหลักแบบ CS:GO แต่ถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดาสำหรับเกมที่เกิดจากเว็บฟรี (2 พฤษภาคม 2025) [2]
SpeedRunners มีโหมดให้เลือกทั้งเล่นคนเดียวและเล่นกับคนอื่น แต่ความรู้สึกที่ได้ต่างกันชัดเจน โหมด Solo (Story หรือ Practice) ทำหน้าที่เหมือนสนามซ้อม ให้ลองแมพ ลองจับจังหวะ grappling hook หรือทดสอบไอเท็มโดยไม่กดดันมาก เหมาะกับคนเริ่มเล่นที่อยากเข้าใจระบบก่อนโดนลากจอทิ้ง
แต่เมื่อเข้าสู่ Multiplayer ทั้งในบ้าน หรือออนไลน์ เกมจะเปลี่ยนโดยทันที กลายเป็น chaos mode เสียงหัวเราะ แซวเพื่อน และการใช้จังหวะ hook ดึงคนอื่นตกจอทำให้เกมเต็มไปด้วยอารมณ์ ถ้า Solo คือสนามซ้อม Multiplayer ก็คือเวทีจริง ที่ทั้งฮา ทั้งหัวร้อน และเป็นจุดที่เกมนี้แสดงพลังได้เต็มที่สุด
แม้ GameSpeedRunners จะเป็นเกมวิ่งแข่ง แต่ดีไซน์ของมันเต็มไปด้วยลูกเล่นที่ทำให้การ “วิ่ง” ไม่ใช่แค่การกดปุ่มไปข้างหน้าเฉย ๆ เกมใช้ grappling hook, slide, boost และไอเท็ม มาสร้างชั้นเชิงที่ซับซ้อน บวกกับระบบ “จอหด” ที่ทำให้สนามแข่งแคบลงเรื่อย ๆ จนทุกวินาทีตึงมือขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งหมดนี้ทำให้เกมนี้ อยู่กึ่งกลางระหว่าง Party Game ที่ทุกคนเล่นหัวเราะ และ เกมแนวแข่งขันที่มี skill ceiling สูง คนที่เข้ามาเล่นเพื่อความสนุกก็ยังได้เสียงหัวเราะ แต่คนที่จริงจังสามารถขุดลึกจนกลายเป็น “การแข่งขัน” ได้จริงในแบบที่เว็บอื่นพูดถึงน้อยมาก (4 กุมภาพันธ์ 2020) [3]
SpeedRunners มีเสน่ห์ที่ทำให้คนเถียงกันมานานว่าจริง ๆ แล้วมันจัดอยู่หมวดไหนแน่ บางคนมองว่าเป็น Party Game เพราะหัวเราะกันลั่นบ้านตอนดึงเพื่อนตกจอ แต่ถ้าเจอล็อบบี้แรงค์จริงจัง จะรู้เลยว่าการกด grappling hook พลาดครึ่งวินาทีอาจแพ้ได้ทันที
นี่คือจุดที่เกมนี้มีเอกลักษณ์ เพราะมัน สวิงไปมาระหว่างสองโลก เล่นให้สนุกก็ได้ แต่ถ้าต้องการ “ทักษะล้วน ๆ” มันก็มีศักยภาพจะเป็น eSports เบา ๆ เหมือน Rocket League หรือ Beastieball เพียงแต่ community เล็กกว่า ทำให้เกมมีสองรสชาติที่ต่างกันสุดขั้วในเกมเดียว
จุดแข็งของ เกมSpeedRunners
จุดอ่อนของ เกมSpeedRunners
GameSpeedRunners เป็นเกมที่พิสูจน์ว่าความเร็วกับความวุ่นวายสามารถอยู่ด้วยกันได้ในเกมเดียว บางจังหวะมันคือเกมปาร์ตี้ที่เรียกเสียงหัวเราะ บางจังหวะก็กลายเป็นสนามแข่งขันที่ต้องใช้สกิลล้วน ๆ จุดเด่นอยู่ที่ระบบที่เล่นง่าย แต่มีความลึกให้ขุดอย่างไม่จบไม่สิ้น
GameSpeedRunners สนุกจริงแต่ไม่ดังเท่าเกมแข่งอื่น เพราะฐานผู้เล่นเล็ก ระบบเร็วและกดดันทำให้มือใหม่ถอดใจง่าย และการตลาดไม่ต่อเนื่อง ทำให้เกมกลายเป็นชื่อที่คนวงในรัก แต่คนทั่วไปกลับไม่ค่อยรู้จัก
เกมที่จะเหมาะกับคนที่ชอบเกมไว ปั่นเพื่อน หัวเราะดัง และฝึกสกิลให้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่เหมาะกับคนที่เกลียดความกดดันหรือไม่ชอบเกมที่พลาดทีเดียวแล้วตกรอบทันที